การตั้งคริสตจักร
()
About this ebook
"สงวนสิทธิ์ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ การนําข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปใช้ต้องได้รับอนุญาตจากสํานักพิมพ์ เว้นแต่การอ้างข้อความสั้น ๆ ในบทวิจารณ์ หรือบทความ"
Dag Heward-Mills
Bishop Dag Heward-Mills is a medical doctor by profession and the founder of the United Denominations Originating from the Lighthouse Group of Churches (UD-OLGC). The UD-OLGC comprises over three thousand churches pastored by seasoned ministers, groomed and trained in-house. Bishop Dag Heward-Mills oversees this charismatic group of denominations, which operates in over 90 different countries in Africa, Asia, Europe, the Caribbean, Australia, and North and South America. With a ministry spanning over thirty years, Dag Heward-Mills has authored several books with bestsellers including ‘The Art of Leadership’, ‘Loyalty and Disloyalty’, and ‘The Mega Church’. He is considered to be the largest publishing author in Africa, having had his books translated into over 52 languages with more than 40 million copies in print.
Related to การตั้งคริสตจักร
Related ebooks
พลิกฟื้นพันธกิจศิษยาภิบาล Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsศิลปะการเลี้ยงดูแกะ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsทําไมคริสเตียนที่ไม่ถวายสิบลดจึงยากจน...แล้วคริสเตียนที่ถวายสิบลดมั่งคั่งได้อย่างไร Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsไลคอส พันธกิจการรับใช้แบบฆราวาส Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsความผิดพลาด 10 ประการ ที่ศิษยาภิบาลมักทํา Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsคริสตจักรขนาดใหญ่ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsวิธีการอธิษฐาน Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsทําความเข้าใจการเฝ้าเดี่ยว เคล็ดลับแห่งความเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsหลายคนได้รับการทรงเรียก Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsคําหนุนใจ สําหรับ ลูกสาว ทั้งหลาย Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsวิธีการ บังเกิดใหม่ และ รอดพ้น จากนรก Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsอานักคาโซ (ฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ฤทธิ์เดชเพื่อการบังคับ! Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsบอกพวกเขาถึง Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsขั้นตอน สู่การทรงเจิม Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsบรรดาคนที่ลืม Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsฤทธิ์อํานาจแห่งพระโลหิต พระโลหิตของพระเยซู Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsคนที่ ละทิ้งคุณไป Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsศิลปะ การ เลียนแบบ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsบรรดาลูกชายที่อันตราย Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsอิทธิพล อันหอมหวาน แห่ง การทรงเจิม Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsอันตรายฝ่ายวิญญาณ Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsศิลปะแห่งการฟัง Rating: 0 out of 5 stars0 ratingsรับการทรงเจิม Rating: 0 out of 5 stars0 ratings
Reviews for การตั้งคริสตจักร
0 ratings0 reviews
Book preview
การตั้งคริสตจักร - Dag Heward-Mills
บทที่ 1
การขยายตัวของคริสตจักร
ความก้าวหน้า
บางครั้ง คนก็สงสัยว่าคริสตจักรมีความก้าวหน้าไปอย่างแท้จริงหรือไม่ มีกิจกรรมมากมายในคริสตจักร และมีการจัดรายการมากมาย แต่ราชอาณาจักรของพระเจ้าได้ก้าวไปข้างหน้าจริงๆ หรือว่าวนไปวนมาไม่ได้คืบหน้าไปไหนเลย?
บางครั้ง คุณได้เห็นคริสตจักรใหม่ๆ ผุดขึ้นมาในเมืองใหญ่ คริสตจักรใหม่ๆ เหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องที่คนชอบพูดถึงกัน และดูเหมือนว่าพระเจ้ากำลังทรงทำสิ่งใหม่ๆ ใครๆ ก็แห่กันไปที่คริสตจักรนั้น และทุกคนดูเหมือนว่าจะชื่นชอบสิ่งใหม่นี้ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปที่การเคลื่อนไหวใหม่ๆ เหล่านี้ ก็มักจะเห็นว่า คริสตจักรใหม่เหล่านี้สร้างขึ้นมาจากคนที่ย้ายมาจากคริสตจักรอื่นที่อยู่ใกล้เคียง
ราชอาณาจักรของพระเจ้าเต็มไปด้วยคริสเตียนเนื้อหนังที่มักจะคอยมองหาสิ่งใหม่ๆและน่าตื่นเต้นอยู่เสมอ ศิษยาภิบาลหลายคนตื่นเต้น เพราะเขาคิดว่าคริสตจักรของเขากำลังเจริญเติบโตและมีการฟื้นฟู ในความเป็นจริง มีการเจริญเติบโตโดยภาพรวมในราชอาณาจักรของพระเจ้าน้อยมาก ผู้คนก็แค่หมุนเวียนจากคริสตจักรหนึ่งไปยังอีกคริสตจักรหนึ่งเท่านั้น ราชอาณาจักรของพระเจ้าจำเป็นต้องก้าวหน้าไปในความเป็นจริง
หลายปีที่ผ่านมา ชาวยุโรปส่งมิชชันนารีไปแอฟริกาและเอเชีย จากการกระทำด้วยความเสียสละนี้ ชนทุกชาติก็ได้กลายมาเป็นคริสเตียน คนที่เมื่อก่อนเคยเป็นพวกนอกศาสนาก็กลับใจมาหาพระคริสต์ อย่าให้เราหลอกตัวเอง มีคนเพิ่มมากขึ้นในโลกปัจจุบันนี้ แล้วก็ยังมีหลายคนที่ไม่ได้มีคริสตจักรหรือศิษยาภิบาลที่มีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันนี้มีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นที่คริสตจักรจะก้าวหน้าไปอย่างแท้จริงโดยการเข้าไปในดินแดนที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน
ชาวยุโรปได้ส่งมิชชันนารีออกไปเมื่อสองร้อยปีมาแล้ว ตอนนั้นมีประชากรเพียงหนึ่งพันล้านคนในโลกนี้ ปัจจุบันนี้ ในปี 2004 มีประชากร 6,100 ล้านคนในโลก คนทางโลกมักจะบ่นเกี่ยวกับอัตราส่วนของแพทย์ต่อจำนวนประชากร
มีใครบ่นเกี่ยวกับอัตราส่วนของศิษยาภิบาลต่อจำนวนประชากรบ้างไหม? มีผู้ประกาศข่าวประเสริฐจำนวนเท่าไรเมื่อเทียบกับผู้คนหลายล้านที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้?
วิธีการที่จะทำให้ราชอาณาจักรก้าวหน้าไป
ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะก้าวหน้าไปอย่างแท้จริง เมื่อเราปฏิบัติตามคำสอนของพระคริสต์ พระบัญชาสุดท้ายของพระเยซูคือการออกไปในโลกและสร้างสาวก!
พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดีในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค
มัทธิว 28:18-20
ในพระคัมภีร์ตอนนี้ พระเยซูทรงบอกพวกเราทุกคนให้สอน พระวจนะของพระเจ้า
แก่ผู้คน ไม่มีทางที่คุณจะสอนผู้คนได้ นอกจากคุณจะรวมกลุ่มพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ
คริสตจักรที่แท้จริงเป็นอย่างไร
การรวมตัวกันของคริสเตียนอย่างสม่ำเสมอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสอนเรียกว่า คริสตจักร
กล่าวอีกอย่างคือ องค์พระผู้เป็นเจ้าบอกให้เราออกไปทั่วโลก และรวบรวมผู้คนมารวมกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะสอนพระวจนะให้แก่พวกเขา พระเจ้ากำลังทรงสร้างการรวมกลุ่มของคนที่รับการสอนได้ โดยพระวิญญาณของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างผู้คนที่จะออกไปยังทุกส่วนของโลกเพื่อที่จะรวบรวมคนทั้งหลายมารวมกันอย่างสม่ำเสมอแล้วสอนพระวจนะของพระองค์แก่พวกเขา
ยิ่งมีการรวมตัวกันและมีกลุ่มมากขึ้น พระมหาบัญชาก็ยิ่งสำเร็จมากขึ้น ยิ่งมีกลุ่มที่ได้รับการสอนมากขึ้น พระมหาบัญชาก็ยิ่งสำเร็จมากขึ้น กลุ่มเหล่านี้เป็นคริสตจักรที่กำลังได้รับการก่อตั้งโดยผู้รับใช้ที่เชื่อฟังขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เราชอบที่จะสร้างความประทับใจให้ผู้คน
เป็นที่น่าเสียดาย เพราะศิษยาภิบาลส่วนใหญ่กังวลว่าผู้คนจะคิดว่าพวกเขาไม่มีประสิทธิภาพที่จะทำให้พระมหาบัญชาสำเร็จได้ เราต้องการที่จะมีคริสตจักรใหญ่ที่น่าประทับใจเพื่อให้ทุกคนมองเห็น! เราต้องการให้คนคิดว่าเรายิ่งใหญ่! ในที่สุดแล้ว ยิ่งมีคนมากขึ้นในคริสตจักรเท่าไหร่ ศิษยาภิบาลก็จะดูมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
ศักดิ์ศรีของพระราชาอยู่ในมวลชน หากไร้ประชาชน เจ้านายก็วิบัติ
สุภาษิต 14:28
มีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นกลุ่มคนที่มารวมตัวกันหลายๆกลุ่มในทุกๆพื้นที่เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะสำเร็จตามพระมหาบัญชา ความกว้างใหญ่ไพศาลของโลกนี้และการกระจายตัวของผู้คนเรียกร้องให้ศิษยาภิบาลและผู้คนต้องย้ายออกจากคริสตจักรหนึ่งไปสู่คริสตจักรอื่นๆหลายแห่งที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ถ้าเราตั้งใจจริงที่จะเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว เราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะปฏิบัติตามนี้
ผู้นำต้องได้รับการฝึกอบรม ศิษยาภิบาลก็ต้องได้รับการฝึกอบรม คนทำงานก็ต้องได้รับการฝึกอบรม ความคิดของการเป็นซุปเปอร์สตาร์
ในคริสตจักรต้องหมดไป ความคิดแบบซุปเปอร์สตาร์นี้ต้องการให้เรามีศิษยาภิบาลที่ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวที่ทุกคนยอมรับและสรรเสริญ เรามักจะถูกหลอกให้คิดว่า ศิษยาภิบาลที่มีคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นใหญ่ที่สุดในสวรรค์ นี่ไม่เป็นความจริงเลย ศิษยาภิบาลที่จะเป็นใหญ่ที่สุดในสวรรค์ คือศิษยาภิบาลที่ถ่อมใจลงเหมือนกับเด็กมากที่สุด
ในเวลานั้น สาวกทั้งหลายมาเฝ้าพระเยซูทูลว่า ใครเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสวรรค์?
พระเยซูจึงทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมาและให้มายืนท่ามกลางเขาทั้งหลาย แล้วตรัสว่า "เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจและเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ก็จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าใครถ่อมจิตใจลงเหมือนเด็กเล็กๆ คนนี้คนนั้นจะเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสวรรค์
มัทธิว 18:1-4
พระเยซูทรงบอกอย่างชัดเจนว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักร ไม่มีใครสามารถที่จะบอกความถ่อมใจของคุณได้จากขนาดของคริสตจักรของคุณ ในความเป็นจริง ศิษยาภิบาลของคริสตจักรเล็กๆ มีแนวโน้มที่จะมีความถ่อมใจมากกว่าศิษยาภิบาลที่มีคริสตจักรใหญ่ (และเพราะเหตุนั้น จึงเป็นใหญ่กว่าในสวรรค์)
สิ่งที่เราต้องการก็คือการมีกลุ่มคนมากขึ้น คริสตจักรมากขึ้น และเกิดผลมากขึ้นเพื่อองค์จอมเจ้านายของเรา ให้เรามาตั้งคริสตจักรกันเถอะ! คริสตจักรที่ทุกบ้านและในทุกภาษา
จะต้องเป็นเป้าหมายของผู้รับใช้ที่แท้จริงของพระเจ้าทุกคน กลุ่มคนที่เสาไฟฟ้าทุกต้นหรือใต้ต้นไม้ทุกต้นจะทำให้ราชอาณาจักรก้าวไปข้างหน้าได้
จงเลิกพยายามที่จะทำให้ผู้คนประทับใจ จงเลิกประเมินการรับใช้ของเราจากขนาดของคริสตจักร ขอให้เรามีกลุ่มคนที่มารวมตัวกัน ผู้นำคริสตจักรที่รัก อย่าแสวงหาเกียรติจากมนุษย์ แต่แสวงหาเกียรติจากพระเจ้า (เป็นที่ชอบพระทัยและได้รับการยอมรับ)
พวกท่านจะเชื่อได้อย่างไร ในเมื่อท่านรับเกียรติจากกันและกันเอง และไม่ได้แสวงหาเกียรติที่มาจากพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว?
ยอห์น 5:44
การประกาศข่าวประเสริฐเป็นการทำให้พระมหาบัญชาสำเร็จหรือไม่?
การประกาศข่าวประเสริฐและการประกาศต่อชุมชนเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของคำสอนเหล่านี้ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐต้องออกหน้าไปก่อน แต่พวกเขากำลังทำให้พระมหาบัญชาสำเร็จอย่างแท้จริงหรือไม่? ใช่และไม่ใช่! ใช่ เพราะพวกเขาได้เริ่มต้นกระบวนการ และไม่ใช่ เพราะถ้าไม่มีการสอนซึ่งมาโดยการก่อตั้งคริสตจักร พระมหาบัญชาจะไม่สำเร็จอย่างแท้จริง
พูดง่ายๆ ว่า พระมหาบัญชาคือการประกาศข่าวประเสริฐที่ตามมาด้วยการตั้งคริสตจักร คริสตจักรคือกลุ่มคนที่มารวมตัวกัน และกลุ่มคนที่มารวมตัวกันเหล่านี้ได้รับการสอนพระวจนะ
จงตั้งคริสตจักรในอาณาเขตที่ยังไม่มีการตั้งคริสตจักร
เหนือสิ่งอื่นใด คริสตจักรจะต้องตั้งในพื้นที่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำเรา คริสตจักรจะต้องตั้งในเมืองและในหมู่บ้านต่างๆ
ผมเห็นความจำเป็นสำหรับคริสตจักรที่จะตั้งในอาณาเขตที่ยังไม่มีการตั้งคริสตจักร พวกเราส่วนมากมุ่งเน้นอยู่กับพื้นที่ที่มีการทำงานอยู่แล้ว แต่ผมบอกคุณว่า ยังมีพื้นที่ที่ไม่เคยมีการตั้งคริสตจักรอยู่อีกมากที่พระเจ้าได้ทรงเรียกให้เราไป ความปรารถนาอย่างแรงกล้าและความมุ่งมั่นที่จะนำวิญญาณและตั้งคริสตจักรจะต้องกลับเข้ามาในคริสตจักร และเราจะต้องยอมเสียสละคนหนุ่มสาวเพื่อทำการนี้
ศิษยาภิบาลจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องที่ศาสนาอิสลามกำลังเข้าไปยึดครองในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปแอฟริกาและโลกนี้ ในขณะที่คริสตจักรดูเหมือนไม่ได้ให้ความใส่ใจ คนมุสลิมพร้อมเสียสละและเต็มใจไปยังเมืองและหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลที่สุดในหลายๆประเทศ
ในขณะที่คริสตชน ผู้ที่ได้รับพระบัญชาให้ออกไปที่สุดปลายแผ่นดินโลกกำลังนั่งอยู่ในเมืองที่ใกล้ที่สุด และสะดวกสบายที่สุดของโลกนี้!
แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดและสะดวกสบายที่สุดและเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดของโลกนี้! (นี่เป็นพระคัมภีร์เล่มไหนกันนะ?)
บทที่ 2
ความคิดของผู้ตั้งคริสตจักร
จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่าน...
ฟิลิปปี 2: 5
พระคริสต์ทรงมีวิธีการคิดที่ทำให้พระองค์ทรงทำในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำ พระคัมภีร์ข้อนี้สอนเราให้คิดในแบบเดียวกันกับที่พระเยซูทรงคิด
นี่คือความหมายของ จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่าน
คุณจะสามารถทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคุณมีกระบวนการคิดในแบบที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น
ผมกำลังเขียนเกี่ยวกับว่ากระบวนการคิดของคุณจะต้องเป็นอย่างไร ถ้าคุณจะเป็นผู้ก่อตั้งคริสตจักร ถ้าไม่มีรากฐานนี้ ก็คงไม่มีใครจะก้าวไปสู่การตั้งคริสตจักรซึ่งเป็นงานที่ยากมากได้
บทต่อไปนี้โดยพื้นฐานแล้วจะสอนคุณเกี่ยวกับความสำคัญของหลักคำสอนในการตั้งคริสตจักร คุณจะได้รับการกระตุ้น และพันธกิจของคุณจะได้รับการผลักดันให้มีส่วนร่วมใน ขบวนการก่อตั้งคริสตจักรในแนวของอัครทูตครั้งสุดท้ายอันยิ่งใหญ่
1. จงเข้าใจว่าพระเจ้ากำลังทรงตรวจสอบการทำงานของคุณ
เพื่อนๆ ที่รัก การทำงานของคุณบนโลกนี้กำลังถูกตรวจสอบ พระเจ้าทรงต้องการคำตอบจากคุณเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ได้ใส่ไว้ในคุณ พระองค์จะทรงถามคุณว่า คุณได้ทำอะไรกับของประทานของพระองค์ พระเจ้าจะทรงเรียกร้องสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงประทานจากคุณ พระองค์จะถามหาผลงานของคุณ!
เป็นที่น่าสนใจว่า ในจดหมายเจ็ดฉบับที่เขียนไปถึงเจ็ดคริสตจักร ถ้อยคำหนึ่งที่เขียนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เรารู้จักความประพฤติ (การงาน) ของเจ้า
การงานเหล่านี้คืออะไร? ไม่ว่าจะเป็นการงานอะไรก็ตาม การงานนั้นจะต้องเป็นสิ่งสำคัญต่อทุกคริสตจักรที่จะทำงานเหล่านี้อย่างเต็มที่ ขอให้สังเกตข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้
"เรารู้จักความประพฤติ (การงาน) ของเจ้า รู้เรื่องการตรากตรำและความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าเจ้าไม่ยอมทนต่อพวกคนชั่วได้ เจ้าทดสอบพวกที่อ้างตัวว่าเป็นอัครทูต แต่ไม่ได้เป็น และเจ้าก็พบว่าพวกเขาโกหก
วิวรณ์ 2:2
"เรารู้เรื่องความยากลำบากและยากจนของเจ้า (แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี) และรู้เรื่องการกล่าวร้ายของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นยิวและไม่ได้เป็น แต่เป็นธรรมศาลาของซาตาน
วิวรณ์ 2:9
"เรารู้จักที่อยู่ของเจ้า ที่ซึ่งเป็นบัลลังก์ของซาตาน ถึงกระนั้น เจ้าก็ยึดมั่นในนามของเรา และไม่ปฏิเสธความเชื่อในเรา แม้ในเวลาที่อันทีพาสพยานผู้ซื่อสัตย์ของเราต้องถูกฆ่าท่ามกลางพวกเจ้า ในที่ซึ่งซาตานอยู่นั้น
วิวรณ์ 2:13
"เรารู้จักความประพฤติ (การงาน) ของเจ้า รู้เรื่องความรัก ความเชื่อ การปรนนิบัติ และความทรหดอดทนของเจ้า และรู้ว่าความประพฤติ (การงาน) ในตอนปลายนั้นดีกว่าตอนต้น
วิวรณ์ 2:19
จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่า 'พระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และทรงมีดาวเจ็ดดวงนั้นตรัสดังนี้ว่า
เรารู้จักความประพฤติ (การงาน) ของเจ้าคือเจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าตายแล้ว
วิวรณ์ 3:1
"เรารู้จักความประพฤติ (การงาน) ของเจ้า นี่แน่ะ เราจัดวางประตูที่เปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครสามารถปิดได้ เรารู้ว่าเจ้ามีกำลังเพียงเล็กน้อย แต่กระนั้นเจ้าก็ถือรักษาคำของเรา และไม่ได้ปฏิเสธนามของเรา
วิวรณ์ 3:8
พระเจ้าไม่ได้ตรัสว่า เรารู้จักบ้านของเจ้าและรถยนต์ของเจ้า
พระองค์ไม่ได้ตรัสว่า เรารู้จักรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของเจ้า
พระองค์ตรัสว่า เรารู้จักการงานของเจ้า!
พระองค์ไม่ได้ตรัสว่า เรารู้จักระดับการศึกษาของเจ้า
พระองค์ไม่ได้ตรัสว่า เรารู้จักพ่อและแม่ของเจ้า
พระองค์ตรัสว่า เรารู้จักการงานของเจ้า!
2. การตั้งคริสตจักรเป็นกุญแจในการดำเนินกับพระเจ้าไปจนถึงที่สุด
เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ คนนั้นจะได้ชีวิตรอด
มาระโก 8:35
ในปี 1985 ผมได้ตัดสินใจที่จะดำเนินกับพระเจ้าไปจนถึงที่สุด ผมเพิ่งเสร็จสิ้นการสอบที่มหาวิทยาลัยแพทย์ที่ยากมาก ในความเห็นของผม ผมเพียงแค่สอบผ่านได้อย่างหวุดหวิด เมื่อผมนึกถึงความพยายามที่ผมทุ่มเทลงไปในการสอบ และงานพิเศษที่ผมทำ ผมรู้สึกในใจว่ามันไม่คุ้มค่าเลย ทำไมผมต้องยากลำบากในการที่จะเป็นแพทย์? ทำไมผมจึงต้องทุ่มเทชีวิตของผมให้กับเรื่องนั้น?
ผมสาบานตั้งแต่ตอนนั้นว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกของผมจะต้องเป็นงานของพระเจ้า ตอนแรกผมคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นบุคคลสำคัญที่หนึ่งในชีวิตของผม ผมเป็นผู้นำคริสเตียนที่จริงจังมาก แต่ผมไม่ได้ตระหนักว่า ผมไม่ได้ให้ความสำคัญต่องานของพระเจ้าเป็นอันดับแรก ตั้งแต่นั้นมา ผมมุ่งมั่นว่า ผมมีเป้าหมายเดียวและนั่นคือการทำงานของพระเจ้า! สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดจะกลายเป็นเรื่องรองลงไป นี่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมอย่างแท้จริง
ตั้งแต่นั้นมา เป้าหมายอันดับหนึ่งของผมคือพระเจ้าและการรับใช้ มหาวิทยาลัยแพทย์ควรเป็นอันดับสองหรือสามในใจของผม นั่นอาจเป็นเวลาที่ผมได้เข้ามารับใช้เต็มเวลา
เป็นที่น่าสนใจที่จะบอกให้ทราบว่า