Discover millions of ebooks, audiobooks, and so much more with a free trial

Only $11.99/month after trial. Cancel anytime.

บรรดาคนที่ขาดความรู้
บรรดาคนที่ขาดความรู้
บรรดาคนที่ขาดความรู้
Ebook159 pages20 minutes

บรรดาคนที่ขาดความรู้

Rating: 2 out of 5 stars

2/5

()

Read preview

About this ebook

"สงวนสิทธิ์ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ การนําข้อความส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปใช้ต้องได้รับอนุญาตจากสํานักพิมพ์ เว้นแต่การอ้างข้อความสั้น ๆ ในบทวิจารณ์ หรือบทความ"

Languageภาษาไทย
Release dateMay 8, 2018
ISBN9781641347846
บรรดาคนที่ขาดความรู้
Author

Dag Heward-Mills

Bishop Dag Heward-Mills is a medical doctor by profession and the founder of the United Denominations Originating from the Lighthouse Group of Churches (UD-OLGC). The UD-OLGC comprises over three thousand churches pastored by seasoned ministers, groomed and trained in-house. Bishop Dag Heward-Mills oversees this charismatic group of denominations, which operates in over 90 different countries in Africa, Asia, Europe, the Caribbean, Australia, and North and South America. With a ministry spanning over thirty years, Dag Heward-Mills has authored several books with bestsellers including ‘The Art of Leadership’, ‘Loyalty and Disloyalty’, and ‘The Mega Church’. He is considered to be the largest publishing author in Africa, having had his books translated into over 52 languages with more than 40 million copies in print.

Reviews for บรรดาคนที่ขาดความรู้

Rating: 2 out of 5 stars
2/5

1 rating0 reviews

What did you think?

Tap to rate

Review must be at least 10 words

    Book preview

    บรรดาคนที่ขาดความรู้ - Dag Heward-Mills

    บทที่ 1

    ขาดความรู้และไม่จงรักภักดี

    และ​ถ้า​ใคร​ไม่​เอา​ใจ​ใส่​ข้อ​ความ​นี้ คน​นั้น​ก็​จะไม่​ได้​รับ​การ​เอา​ใจ​ใส่

    1 โครินธ์ 14:38

    มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความจงรักภักดีและไม่จงรักภักดี มีคนที่ขาดความรู้มากมายที่เลือกจะขาดความรู้ ถึงแม้มีอีกหลายสิ่งที่ยังต้องศึกษา หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมหลักการ ข้อบัญญัติ กฎระเบียบและข้อเท็จจริงที่ควบคุมแนวคิดของความจงรักภักดีและไม่จงรักภักดี ความไม่จงรักภักดีส่วนใหญ่คือผลของการขาดความรู้ ขาดวุฒิภาวะและขาดการศึกษา คนที่ไม่มีการศึกษามีแนวโน้มว่าจะกบฏและไม่จงรักภักดีเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ โดยการสอนของหนังสือเล่มนี้ คุณจะสามารถเอาชนะข้อเสียเปรียบที่การขาดความรู้นำเข้ามาในชีวิตและพันธกิจของคุณ

    หลายๆ คริสตจักรได้ถูกทำลายเพราะความไม่จงรักภักดีมากกว่าสิ่งอื่นใดที่ข้าพเจ้ารู้! ข้าพเจ้าค้นพบด้วยตัวเองในปีแรกของการรับใช้ พันธกิจของข้าพเจ้าเหมือนลูกนกที่เพิ่งผลัดขนนี้ได้รับประสบการณ์การโจมตีจากมารซาตานไม่ว่าจะเป็น การกบฏ การใส่ร้ายป้ายสี จับผิด หมิ่นประมาท และการแยกตัวออก ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นความสับสนมากขนาดนี้มาก่อนเท่าที่ผมเคยเห็นในวันเก่าๆ

    ในช่วงแรกๆ ของทำพันธกิจ ข้าพเจ้าได้มาถึงบทสรุปของความไม่จงรักภักดีและยังเชื่อมกับความชั่วร้ายเป็นอาวุธทำลายล้างที่รุนแรงที่สุดในคลังอาวุธของพวกวิญญาณชั่ว

    คริสเตียนส่วนมากคิดว่าอาวุธที่ดีที่สุดของวิญญาณชั่วคือผ่านเรื่องเร้นลับ เวทมนตร์คาถาและวูดู ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าอาวุธเหล่านี้อยู่ในคลังแสงของมารร้าย

    แต่สิ่งที่คนต้องรู้นั้นคือการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของซาตานอยู่ในด้านการหลอกลวง หากซาตานสามารถหลอกคุณได้ มันจะทำลายคุณ! ซาตานทำให้หลายๆ คนเชื่อว่าพวกเขาต่อสู้กับคนของพระเจ้าในนามของความยุติธรรมและความจริง อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบความเจ็บปวดอย่างมาก ที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากจะเดินเตะเท้าหาเสี้ยนและตะปูเท่านั้น

    นี่คือสิ่งที่เปาโลค้นพบเมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับคริสตจักรและจัดการขับไล่สเทเฟน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเหล่านั้น เซาโลเคยเป็นชายที่เปี่ยมไปด้วยมโนธรรม เขาคิดอย่างจริงๆ ว่าเขาได้กำจัดบางคนที่ชอบก่อปัญหาออกจากกรุงเยรูซาเล็มที่แสนสงบ ในการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมของเขานั้น เขาแสวงหาที่จะกำจัดบางคนเหล่านั้นที่เขาคิดว่าอาจเป็นอันตรายต่อสังคม มีหลายคนที่คิดว่าพวกเขานั้นกำลังทำสงครามบริสุทธิ์ที่จะเปิดโปงนักเทศและพันธกิจเทียมเท็จต่างๆ เหมือนกับเซาโล พวกเขาคิดว่าพวกเขาได้รับอาณัติจากพระเจ้าให้บอกให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับความจริงของคนหน้าซื่อใจคดบนธรรมาสน์ อัครทูตเปาโลตกใจเมื่อเขาพบว่าแท้จริงแล้วตัวเองกำลังต่อต้านพระคริสต์อยู่

    ขณะ​ที่​เซา​โล​เดิน​ทาง​ไป​ใกล้​จะ​ถึง​เมือง​ดา​มัส​กัส ทัน​ใด​นั้น​มี​แสง​สว่าง​ส่อง​มา​จาก​ฟ้า​ล้อม​รอบ​ตัว​ท่านท่าน​ก็​ล้ม​ลง​ที่​พื้น​และ​ได้​ยิน​พระ​สุร​เสียง​ตรัส​ว่า เซา​โล เซาโล​เอ๋ย เจ้า​ข่มเหง​เรา​ทำไม?เซา​โล​จึง​ทูล​ถาม​ว่า องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​องค์​เป็น​ใคร? พระ​องค์​ตรัส​ว่า เรา​คือ​เยซู​ผู้​ที่​เจ้า​ข่ม​เหงจง​ลุก​ขึ้น​เถิด​และ​เข้า​ไป​ใน​เมือง จะ​มี​คน​บอก​ให้​เจ้า​ทราบ​ว่า​เจ้า​ต้อง​ทำ​อะไร

    กิจการ 9:3-6

    เปาโลอึ้งเมื่อเขาพบว่าที่จริงแล้วเขากำลังทำอะไรอยู่! เมื่อผู้คนไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร หลายครั้งพวกเขามักจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หลังจากนั้นเปาโลประกาศว่าเขาได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

    แม้​ว่า​เมื่อ​ก่อน​ข้าพ​เจ้า​จะ​เป็น​คน​หมิ่น​พระ​เกียรติ ข่ม​เหง และ​ทำ​การ​รุน​แรง แต่​ข้าพ​เจ้า​ก็​ยัง​ได้​รับ​พระ​เมต​ตา เพราะ​ข้าพ​เจ้า​ทำ​ไป​ด้วย​ความ​โฉด​เขลา​เพราะ​ความ​ไม่​เชื่อ

    1 ทิโมธี 1:13

    การขาดความสามารถที่จะสัตย์ซื่อ ภักดี มั่นคง ที่สอดคล้องและต่อเนื่องคือนักทำลายพันธกิจที่ร้ายแรงที่สุด และยังเป็นพวกทำลายธุรกิจตัวสำคัญอีกด้วย ความรู้สึกที่ว่ามันสั้นกว่า เร็วกว่าและเป็นหนทางที่ง่ายกว่านั้นอยู่ในมนุษย์ทุกคน ซาตานได้ผลประโยชน์จากนิสัยพวกนี้

    คริสเตียนหลายคนนั้นถูกหลอกล่อให้เข้าไปติดตามวิสัยทัศน์ที่กบฏและต่อต้าน หลายๆ คนทำสิ่งเหล่านี้โดยขาดความรู้ มารได้ใช้ตัวอย่างที่ผู้นำของคริสตจักรเผด็จการได้สร้างวัฒนธรรมการก่อกบฏและไม่จงรักภักดีในคริสตจักร ผู้นำในหลายๆ คริสตจักรได้กลายเป็นพวกกบฏและไม่จงรักภักดีไปโดยไม่รู้ตัว พวกเขาสอนให้คนที่ติดตามเขากบฏโดยสิ่งที่พวกเขาพูดและทำ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆก็ไม่ซื่อสัตย์และภักดีต่อพวกเขา คุณเห็นไหมว่าการหลอกลวงนี้เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งมาก เมื่อคุณถูกหลอก คุณจะคิดว่าสีดำคือสีขาวและสีขาวคือสีดำ

    นิมิตของความไม่จงรักภักดี

    ข้าพเจ้าทึ่งกับการเปิดเผยที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ให้กับ ริค จอยเนอร์ ในหนังสือของเขาชื่อ เดอะ ไฟนอล เควสท์ เขาได้บรรยายถึงนิมิตของกองทัพมารที่ยิ่งใหญ่ใหญ่ที่เดินขบวนต่อต้านคริสตจักร เป้าหมายหลักของปีศาจคือเพื่อจะก่อให้เกิดการแบ่งแยกในทุกระดับความสัมพันธ์เท่าที่จะเป็นไปได้ คริสตจักรต่อคริสตจักร เหล่าชุมนุมชนกับศิษยาภิบาลของพวกเขาและแม้กระทั่งสามีกับภรรยาของเขา

    อีกด้านหนึ่งที่น่าจดจำในเรื่องการเปิดเผยคืออาวุธที่กองทัพมารนั้นถืออยู่ ข้าพเจ้าจำได้ค่อนข้างชัดเจนว่าหอกที่พวกมันถืออยู่นั้นเรียกว่า 'การทรยศ' คุณรู้หรือไม่ว่าการทรยศนั้นแท้ที่จริงแล้วก็คือลำดับที่สูงที่สุดของความไม่จงรักภักดี? เป็นสิ่งที่น่าสนใจกับข้าพเจ้าว่าหอกด้ามเดียวนั้นที่ถืออยู่มีชื่อด้วยและหอกนั้นก็คือการทรยศ! เพื่อนที่รัก ข้าพเจ้าเชื่อว่าหอกที่สำคัญที่สุดของซาตานที่ต่อต้านคริสตจักรนั้นก็คืออาวุธแห่งความไม่จงรักภักดีและการทรยศ

    ขณะที่ข้าพเจ้าครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ข้าพเจ้าตระหนักว่าหลายๆ คริสตจักรได้ทนทุกข์กับความล้มเหลวที่สำคัญหลายอย่าง ที่ต้องทนทุกข์ในเรื่องเหล่านี้ก็เพราะความไม่สัตย์ซื่อและการทรยศ ข้าพเจ้าลองนึกถึงผู้ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าหลายท่านที่ข้าพเจ้าได้ให้ความเคารพนับถือและพิจารณาว่าพันธกิจของพวกเขาเริ่มหยุดชะงักได้อย่างไร ความไม่จงรักภักดีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ที่น่าสลดเหล่านั้น

    ในนิมิตนั้นได้พูดถึงลูกธนูสี่อย่าง คือ การกล่าวหา การนินทา การพูดให้ร้าย และการจับผิด ในด้านนอกนั้น อาวุธทั้งสิ้นนี้อาจฟังดูไม่มีผลอะไร พวกมันแทบจะไม่ได้ดูเหมือนเป็นอาวุธที่มารจะใช้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มาทำพันธกิจสักสองสามปี ข้าพเจ้าได้สรุปแล้วว่า อาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดของมารร้ายนั้นคือสิ่งเหล่านี้ พอมองทีแรก คนที่ไร้ประสบการณ์ส่วนมากจะมองข้ามปัญหารองๆ เหล่านี้ไป

    ข้าพเจ้ามั่นใจว่า หลายคนได้พิจารณาดูแล้วว่าผู้ทำพันธกิจทุกคนสามารถรับมือกับรายชื่อของลูกธนูเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย มารร้ายนั้นรู้ว่าการกล่าวหาทำให้คนที่ถูกกล่าวหานั้นอ่อนแอ สับสนและทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าคนที่ถูกกล่าวหาจะเป็นคนบริสุทธิ์อย่างไร เมื่อเขาถูกกล่าวหา เขาจะตกลงไปสู่ขั้นแห่งความสับสน เขาถามตัวเองว่า ทำไมคนเหล่านี้ถึงคิดอะไรแบบนี้? การกล่าวหานั้นมีอำนาจมาก หลังจากนั้น แม้แต่คนบริสุทธิ์ก็เริ่มที่จะคล้อยตามการกล่าวหาที่ตนได้รับ การกล่าวหาทำให้คนที่ถูกกล่าวหาทำอะไรไม่ได้ เมื่อเขาทำอะไรไม่ได้แล้ว พวกเขาจะถูกทิ้งไว้ในขั้นเฉื่อยชา ในขณะที่การกล่าวหานั้นกำลังกระจายออกไป คนที่ถูกกล่าวหาก็แทบจะไม่มีความมั่นใจใดที่จะขยับไปในแวดล้อมที่พิษของการกล่าวหาได้แพร่ออกไปแล้ว การพูดให้ร้าย การนินทาและการจับผิดคือรูปแบบของการกล่าวหา สิ่งเหล่านี้ทำให้คริสตจักรอ่อนแอ สับสนและไม่อาจจะทำอะไรได้อีก ความสับสนนี้อาจอยู่หรือไม่อยู่ในคริสตจักร คนที่ถูกกล่าวหาจะสับสนและผู้ฟังก็สับสน มีหลายคนที่เอาชนะความสับสนนี้ไม่ได้ บางคนอาจไม่เคยได้รับและบางคนก็ไม่สามารถทำพันธกิจต่อไปได้อีก นี่เป็นอาวุธที่มีอำนาจมากของศัตรู! ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพระคัมภีร์ถึงบอกเราว่าคริสตจักรจะมีความแข็งแกร่งก็ต่อเมื่อคริสตจักรจัดการกับผู้กล่าวหา ตราบใดที่คุณได้ยินจากผู้กล่าวหา บางทีมันจะทำให้คุณเริ่มอ่อนแอก็เป็นได้

    และ​ข้าพ​เจ้า​ได้​ยิน​เสียง​ดัง​ใน​สวรรค์​กล่าว​ว่า "บัด​นี้​ความ​รอด​และ​ฤทธิ์​เดช ....เพราะ​ว่า​ผู้​กล่าว​หา​พี่​น้อง​ของ​เรา ถูก​โยน​ลง​ไป​แล้ว คือ​ผู้​ที่​กล่าว​หา​พวก​เขา​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​ของ​เรา​ทั้ง​กลาง​วัน​และ​กลาง​คืน​นั้น

    วิวรณ์ 12:10

    คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมการกล่าวหาเกิดขึ้นกับคนของพระเจ้าไม่หยุดหย่อน? ข้าพเจ้านึกถึงศิษยาภิบาลคนหนึ่งที่ทำงานบุกเบิกได้ดีเยี่ยมในเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ผ่านทางเขาคนนี้ มีคนมากมายได้รับความรอดและเขาได้ฝึกผู้รับใช้หลายๆ คนอีกด้วย เขาถูกใส่ร้ายและถูกกล่าวหา จนกระทั่งในที่สุดเขาได้ออกจากเมืองนั้น ความผิดของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นจนไม่เหลืออะไรดีเกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย ในที่สุด เขาก็ออกจากเมืองนั้นและวางมือจากพันธกิจของเขาไป วิธีการทำงานของซาตานนั้นค่อนข้างเรียบง่ายเป็นการกล่าวหาพวกเขาจนกระทั่งพวกเขาไม่เหลือความมั่นใจในตัวเอง! กล่าวหาพวกเขาจนไม่มีใครในชุมชนคิดว่าพวกเขาดีอีก ทำให้พวกเขาต้องหยุดจากสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่

    อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ออกมาได้หลายปี เขาถูกเชื้อเชิญให้กลับไปและได้รับเกียรติจากคนเหล่านั้นที่เขาได้อวยพร ข้าพเจ้าเชื่อว่าเขาตกใจที่ได้เห็นผลในพันธกิจของเขา เขาคงตระหนักได้ว่าเขาไม่น่ายอมจำนนต่อการโจมตีที่ไม่หยุดหย่อนจากผู้กล่าวหาและตัวแทนของมันเลย ข้าพเจ้าดีใจที่จะบอกได้ว่าหลังจากนั้นได้ไม่นาน เขาก็ได้กลับไปยังพันธกิจของเขา

    การเปิดเผยที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งอย่างในหนังสือเล่มนี้คือมารซาตานได้ขี่บนหลังคริสเตียนไม่ใช่บนหลังม้า พูดง่ายๆ คือ คริสเตียนกำลังถูกมารซาตานหลอกใช้โดยไม่รู้ตัวนั่นเอง!

    ข้าพเจ้ารู้จักศิษยาภิบาลคนหนึ่งที่เก่งเรื่องการแบ่งแยกพระกายของพระคริสต์ ข้าพเจ้าได้สำรวจพันธกิจของเขาในช่วงเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมาและข้าพเจ้ารู้สึกว่าเขามีของประทานพิเศษในเรื่องการแบ่งแยกคริสตจักรและสร้าง ค่าย ที่ต่อต้านภายในคริสตจักร ข้าพเจ้าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าการกระทำและการตัดสินใจของเขาได้นำไปสู่การสร้างหมู่คณะภายในคริสตจักร เขาทำแบบนี้โดยไม่ต้องลงแรงใดใดและด้วยทักษะการเจรจาต่อรองที่โดดเด่น! ท่าทีและเสียงของเขานั้นดูน่านับถือจนเหมือนกับว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณ ว่าเขาจะไม่แบ่งแยกกลุ่มเหล่านี้ในคริสตจักร แต่เมื่อคุณนั่งลงและสะท้อนถึงพฤติกรรมของเขาคุณจึงตระหนักว่าเขานั้นเป็นคนแบ่งพรรคแบ่งพวกขนาดไหน

    ข้าพเจ้าได้รวบรวมบทความนี้จาก นิมิตของริค จอยเนอร์ของ กองทัพซาตาน ผมอธิษฐานว่าคุณจะเห็นถึงกลยุทธ์ของมารร้ายอย่างชัดเจน

    "กองทัพปีศาจนั้นใหญ่มากและขยายออกไปไกลมากเท่าที่ผมจะมองเห็นได้ มันแบ่งออกเป็นกองๆ และแต่ละกองก็ถือธงที่แตกต่างกัน กองที่อยู่หน้าสุดได้เดินถือธงภายใต้คำว่าความเย่อหยิ่ง ความชอบธรรมในตนแอง ความน่านับถือ การฝักใฝ่เห็นแก่ตัว การพิพากษาที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมและความอิจฉาริษยา ยังมีกองทัพอื่นแห่งความชั่วร้ายอีกมากมายนอกเหนือจากที่สายตาข้าพเจ้าจะมองเห็นได้ในนิมิตนั้น แต่ทหารกองหน้านี้ดูจะน่ากลัวที่สุดจากขุมนรกและน่าจะแข็งแกร่งที่สุดด้วย หัวหน้าของกองทัพนี้คือการกล่าวหาของพี่น้องของเขาเอง

    อาวุธที่ถือโดยพวกนี้ถูกตั้งชื่อด้วย ดาบนั้นชื่อว่าการข่มขู่ หอกนั้นชื่อว่าการทรยศและลูกธนูนั้นชื่อว่าการกล่าวหา นินทา คำพูดให้ร้ายและหาความผิด หน่วยสอดแนมและกลุ่มเล็กๆของมารนั้นชื่อว่าการปฏิเสธ ความขมขื่น ไม่อดทน ไม่ให้อภัยและราคะตัณหา ถูกส่งมาเพิ่มแก่กองทัพนี้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งสำคัญ

    กลุ่มเล็กๆ และหน่วยสอดแนมนั้นมีจำนวนน้อยกว่ามาก แต่ประสิทธิภาพของพวกมันก็ไม่ได้น้อยกว่าพวกติดตามใหญ่ๆ ที่แบ่งแยกไว้ พวกนี้มีขนาดเล็กกว่าเพราะเหตุผลทางยุทธศาสตร์ เหมือนกับที่ยอห์นผู้ให้บัพติศมานั้นเป็นตัวคนเดียว แต่ท่านได้ไห้การเจิมที่แสนพิเศษที่จะบัพติศมามหาชนเพื่อเตรียมพวกเขาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ปีศาจกลุ่มเล็กนี้ได้รับพลังอำนาจที่เกินธรรมดาเพื่อ "บัพติศมามหาชน" ปีศาจร้ายแห่งความขมขื่นตัวเดียวสามารถหว่านเมล็ดยาพิษของมันเข้าไปในฝูงชนหรือแม้กระทั่งกลุ่มเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมได้ ปีศาจร้ายแห่งราคะตัณหานั้นจะเกาะติดอยู่กับนักแสดงคนหนึ่ง ภาพยนตร์หรือแม้กระทั่งโฆษณา และส่งสิ่งที่ปรากฏให้เห็นนั้นไปเป็นเหมือนแสงฟ้าแลบของกระแสไฟฟ้าที่จะกระแทกและทำให้ฝูงชนกลุ่มใหญ่เริ่ม "ตอบสนองช้า" ทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปีศาจร้ายที่จะตามมาภายหลัง

    กองทัพนี้ได้เดินขบวนเพื่อต่อต้านคริสตจักรโดยเฉพาะ แต่มันก็จะโจมตีทุกคนที่ทำได้ ข้าพเจ้ารู้ว่ามันแสวงหาที่จะครอบครองการเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นของพระเจ้าที่พระองค์ได้กำหนดไว้แล้วว่าจะต้อนเอาฝูงชนเข้าไปในคริสตจักร

    กลยุทธ์หลักของกองทัพนี้ก็เพื่อที่จะก่อให้เกิดการแบ่งแยกในทุกระดับที่เป็นไปได้ของความสัมพันธ์ในคริสตจักรกับแต่ละคน ชุมนุมชนกับศิษยาภิบาลของเขา สามีกับภรรยา ลูกๆ กับพ่อแม่ หน่วยสอดแนมนั้นถูกส่งไปยังช่องโหว่ของคริสตจักรและไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กๆ กับตัวของเขาเอง หน่วยสอดแนมนี้ถูกส่งไปยังช่องโหว่ในคริสตจักร ครอบครัวหรือบุคคลที่มีการปฏิเสธ มีความขมขื่น ราคะตัณหา และอื่นๆ มันสามารถหาประโยชน์และทำให้ใหญ่มากขึ้น แล้วพวกที่ติดตามการแบ่งแยกนี้ก็เทผ่านช่องโหว่และเอาชนะเหยื่อของพวกมันได้

    ส่วนที่น่าตกใจที่สุดของนิมิตนี้คือการที่กองทัพกลุ่มใหญ่นั้นไม่ได้ขี่ม้า แต่อยู่ขี่บนคริสเตียน! พวกเขาส่วนมากแต่งตัวดี มีเกียรติและมีลักษณะอย่างคนที่ถูกขัดเกลามาแล้วและดูมีการศึกษา และพวกเขาก็ยังดูเหมือนจะเป็นตัวแทนจากเกือบทุกๆ รูปแบบของชีวิต คนพวกนี้แสดงตัวเป็นผู้เชื่อคริสเตียนอย่างแท้จริงเพื่อที่จะเยินยอจิตสำนึกของพวกเขาเอง แต่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในข้อตกลงในอำนาจของความมืด เมื่อเขาได้ทำข้อตกลงกับอำนาจเหล่านั้น ปีศาจก็ได้เติบโตและชี้นำพวกเขาให้ทำตามได้อย่างง่ายมากขึ้น

    ผู้เชื่อหลายคนถูกบังคับโดยปีศาจหลายตน แต่แน่นอนว่าจะมีตัวหนึ่งที่คอยควบคุม ตัวที่คอยควบคุมนั้นสั่งการหน่วยที่กำลังเดินขบวนไป ถึงแม้ว่าแต่ละหน่วยนั้นกำลังเดินขบวนไปพร้อมกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าในเวลาเดียวกันทั้งกองทัพนั้นมีแนวโน้มที่จะวุ่นวายมากๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น ปีศาจแห่งความเกลียดชังก็เกลียดชังปีศาจตนอื่นๆ พอๆ กับที่มันเกลียดชังคริสเตียน และปีศาจแห่งความอิจฉาก็อิจฉาริษยากันเองด้วย

    Enjoying the preview?
    Page 1 of 1