คนที่ ละทิ้งคุณไป

บทที่ 1

ทำไมพระเจ้าจึงอนุญาตให้บางคนละทิ้งคุณไป

สิบห้าเหตุผลที่พระเจ้าอนุญาตให้บางคนละทิ้งคุณไป

มีเหตุผลหลายประการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป หรือแม้กระทั่ง ทำให้คุณเจ็บปวด

1. องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดพื้นฐาน

ในงานรับใช้ของคุณ

ในการเริ่มต้นงานรับใช้ เรามักกลัวที่จะล้มเหลว ความกลัวที่จะล้มเหลวนี้ทำให้เราคว้าเอาการช่วยเหลือ

ทุกอย่างที่มาถึงเรา ในขั้นตอนของการแสวงหาการช่วยเหลือ ผู้รับใช้หลายคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับ

คนที่ไม่ถูกต้อง

อับราฮัมเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ พระเจ้าได้บอกให้เขาแยกตัวออกจากญาติพี่น้อง และออกเดินทางไกล และลึกลับ ไปสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญาที่ไม่ได้บอกอย่างแน่ชัดว่าอยู่ที่ใด แทนที่เขาจะแยกตัวออกจาก

ญาติพี่น้อง เหมือนที่พระเจ้าบอก อับราฮัมกับร่วมเดินทางไปพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวบางคน และที่

โดดเด่นท่ามกลางคนเหล่านี้ ก็คือ โลท

พระเยโฮวาห์ได้ตรัสแก่อับรามแล้วว่า "เจ้าจงออกไปจากประเทศของเจ้า และจากญาติพี่น้องของเจ้า และจากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังแผ่นดินที่เราจะชี้ให้เจ้าเห็น"

ปฐมกาล 12:1

และอับรามขึ้นไปจากอียิปต์ ท่านและภรรยาของท่าน และสิ่งสารพัดที่ท่านมีอยู่ และโลทไปพร้อมกับท่าน เข้าไปทางทิศใต้

ปฐมกาล 13:1

ปัญหาทุกอย่างที่เกิดกับอับราฮัมในระหว่างการเดินทาง มักมีสาเหตุเชื่อมโยงไปยังโลทเสมอ ขอให้สังเกตว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับอับราฮัมเป็นเพราะโลทอยู่กับเขา

1. อับราฮัมมีปัญหาเรื่องทะเลาะวิวาท และความวุ่นวาย เนื่องจากโลท ในที่สุด อับรามต้องแยกตัว จากญาติ ก็เพราะโลท (ปฐมกาล 13:7-8)

2. อับราฮัมต้องทำสงคราม โดยไม่จำเป็นเลย ก็เพราะโลท อับราฮัมจำเป็นต้องช่วยกู้โลทจากกษัตริย์

เคโดร์ลาโอเมอร์ (ปฐมกาล 14:1-16)

3. อับราฮัมต้องอธิษฐานวิงวอนเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากโลท อับราฮัมต้องช่วยหลานชายให้รอดจาก

การทำลายล้างเมืองโสโดม และโกโมราห์ (ปฐมกาล 18:23-33)

นี่คือ สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกว่า ข้อผิดพลาดพื้นฐานในงานรับใช้ ซึ่งก็คือ ข้อผิดพลาดที่คุณทำ เมื่อคุณเริ่มต้นรับใช้พระเจ้า และส่วนใหญ่แล้ว มักจะเกิดจากความกลัว ความผิดพลาดเหล่านี้อาจทำให้คนที่ไม่ถูกต้องเข้ามากลายเป็นตัวถ่วงในงานทุกอย่างที่คุณทำ

บางคนถึงขนาดแต่งงานกับคนที่ไม่ถูกต้อง เมื่อพวกเขากำลังเข้าสู่งานรับใช้ พระเจ้าอาจจะเอาคู่สมรส

ที่ไม่ถูกต้องออกไปจากโลก เพื่อให้คุณเป็นอิสระจากสิ่งที่ถ่วงคุณอยู่ ถ้าพระเจ้าไม่ได้เอาคนนี้ออกไปจากชีวิตของคุณ คุณจะต้องทำงานรับใช้ทั้งหมด โดยมีสิ่งที่ถ่วงคุณอยู่

คนบางคนที่เคยมีส่วนร่วมรับใช้กับผม ตอนที่ผมเริ่มต้นงานรับใช้ ตอนนี้ ไม่ได้มีส่วนในงานรับใช้

ของผมแล้ว บางที ผมอาจพาคนเหล่านี้ไปด้วย เพราะว่าผมกลัวว่า ผมจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

ถ้าไม่มีพวกเขา การมีพวกเขาอยู่ด้วยทำให้ผมมั่นใจว่า ผมจะประสบความสำเร็จ โดยพระกรุณาของพระเจ้า พระองค์ได้ทำให้คนเหล่านี้ละทิ้งผมไป ถึงแม้ว่า จริง ๆ แล้ว ผมจะคิดถึงพวกเขาบางคน ผมก็ตระหนักว่า

พระเจ้าได้อนุญาตให้พวกเขาจากไป เพราะว่า จริง ๆ แล้ว การนำคนเหล่านี้มาร่วมในนิมิตของผมในการสร้างคริสตจักรนั้นเป็นข้อผิดพลาดตั้งแต่แรก

2. องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป เพื่อทำให้คุณถ่อมใจ

และท่านจงระลึกถึงบรรดาทางซึ่งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่าน ทรงนำท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปี เพื่อจะทรงกระทำให้ท่านถ่อมใจ และเพื่อจะทรงพิสูจน์ท่านให้ทราบว่ามีอะไรอยู่ในจิตใจของท่านบ้าง

ดูว่าท่านจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ หรือไม่

เฉลยธรรมบัญญัติ 8:2

การที่คนละทิ้ง หรือ ลาออกจากองค์กรของคุณนั้นเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เกิดความถ่อมใจ

ทุกการลาจากย่อมทิ้งความเจ็บปวดไว้เสมอ ทุกครั้งที่คนบางคนจากไป โดยไม่อำลา เขาได้ทิ้งร่องรอย

หลังจากการปลูกคริสตจักรมาแล้วหลายแห่ง ในเวลาหลายปี ผมได้รับพระพรที่ได้มีศิษยาภิบาล, 

ลูกชาย และลูกสาวที่สัตย์ซื่อหลายร้อยคน ผมได้รับพระพรในการมีญาติของผมเองเป็นศิษยาภิบาล

ในคริสตจักร

อย่างไรก็ตาม วันหนึ่ง ญาติบางคนของผมก็ออกไปจากงานรับใช้ของผม และทำสิ่งที่ตรงข้ามกับ

สิ่งที่ผมได้กำลังสอนอยู่ การที่สมาชิกในครอบครัวของผมเองกลายเป็นจุดศูนย์รวมของการกบฏ

และความไม่ภักดีในคริสตจักรนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมอับอายอย่างมาก

ผมรู้สึกว่า พระเจ้ากำลังทำให้ผมถ่อมใจผ่านกระบวนการนี้ พระองค์ต้องการสำแดงให้ผมรู้ว่า ไม่ใช่ด้วยแรง หรือด้วยฤทธิ์ หรือด้วยการสอน หรือหลักเกณฑ์ แต่โดยพระคุณของพระองค์เท่านั้น บางที คุณอาจเคยมีบางคนละทิ้งคุณไป จงอนุญาตให้พระเจ้าทำงานฝ่ายวิญญาณของพระองค์ ด้วยการทำให้คุณถ่อมใจ

เพื่อการรับใช้พระองค์

3. องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป เพราะว่าคุณไม่ได้สอนสมาชิกเรื่องความภักดี  กับความไม่ภักดี พวกเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้

และมีชายสองร้อยคนจากกรุงเยรูซาเล็มไปพร้อมกับอับซาโลม เป็นคนที่ถูกเชิญให้ไป และคนเหล่านี้ก็ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจของตน และพวกเขาไม่ทราบเรื่องอะไรเลย

2 ซามูเอล 15:11

มารบำรุงเลี้ยงตัวเองด้วยความไม่รู้ของคน การหลอกลวงจะลุกลามเสมอ เมื่อคนไม่ได้รับการเปิดเผย

ถึงความจริงแห่งพระวจนะ อับซาโลมสามารถนำคนสองร้อยคน ผู้ที่ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ความบริสุทธิ์ใจ นี้แหละคือ สิ่งที่เราเรียกว่า ความไม่รู้

หลักเกณฑ์เรื่องความภักดี กับความไม่ภักดี, ความเป็นพ่อ และการระลึกถึง หลายครั้งไม่ได้ถูกสอน

ในคริสตจักร จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สมาชิกของคริสตจักรถึงตกเป็นเหยื่อของวิญญาณแห่งการหลอกลวง

ได้อย่างง่ายดาย เพราะวิญญาณพวกนี้บำรุงเลี้ยงตัวเอง ด้วยความไม่รู้ของพวกเขา

ใช่ครับ ที่ประชุมของคุณอาจได้รับพระพรจากเนื้อหาเรื่องความเจริญรุ่งเรือง, การแต่งงาน และ

การรักษาโรค แต่หัวข้อเหล่านี้ไม่สามารถปกป้องที่ประชุมของคุณจากวิญญาณแห่งความไม่ภักดี และ

การทรยศ

วันหนึ่ง ศิษยาภิบาลคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงกำลังสอนเรื่องความภักดี กับ

ความไม่ภักดี เขาตั้งข้อสังเกต อย่างเย้ยหยันว่า ความภักดี ไม่ใช่สิ่งที่สอนได้ แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องสั่ง

เขาพูดต่อไปว่า ด้วยลักษณะนิสัยที่ดี คุณก็กำลังสั่งคนรอบ ๆ ตัวคุณให้ภักดีต่อคุณอย่างอัตโนมัติ

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มีประสบการณ์กับความขมขื่น เนื่องจากผู้ช่วยของเขาเองทรยศ เขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากประสบการณ์นี้ เขาเปลี่ยนท่าทีจากการดูถูกหนังสือ และคำสอนของผมมาเป็นความนิยมชมชอบแทน เขากลายเป็นคนที่ชอบเรื่องความภักดี และเริ่มสนับสนุนหนังสือของผม คุณจะไม่รู้ถึงความสำคัญของคำสอนนี้ จนกระทั่งคุณมีประสบการณ์กับผลที่เกิดขึ้นจากความไม่รู้

4. องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป เพราะว่าคุณดูถูกเพื่อนผู้รับใช้ เมื่อคริสตจักร ของเขาแตก

... บุคคลที่ยินดี เมื่อมีความลำบากยากเย็นจะไม่มีโทษหามิได้

สุภาษิต 17:5

หลายครั้ง เราดูถูกคน เมื่อพวกเขาพบความยากลำบากในชีวิต เช่นเดียวกับเพื่อนของโยบ ดูเหมือนว่าเราจะรู้ถึงเหตุผลที่สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ เกิดขึ้นในชีวิตของผู้คน เราดูถูกคนที่ยากลำบาก เพราะเราคิดว่าพวกเขาเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง ทัศนคติแบบนี้สามารถเปิดประตูให้แก่ซาตานในการเข้ามาสู่ชีวิต และงานรับใช้ของเราได้

วันหนึ่ง ผมได้พบกับศิษยาภิบาลของคริสตจักรที่ประสบความสำเร็จอย่างมากสามคน ทีมที่น่าเกรงขามนี้ประกอบไปด้วยผู้ช่วยที่เข้มแข็งสองคน และศิษยาภิบาลอาวุโสหนึ่งคน ด้วยความช่วยเหลือของผู้ช่วยทั้งสอง ศิษยาภิบาลอาวุโสจึงสามารถสร้างคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองได้สำเร็จ ดูเหมือนกับว่าทุกคนกำลังแห่ไปรวมกันที่คริสตจักรของพวกเขา คริสตจักรใหม่ของพวกเขาล้นจนแทบปริ และพวกเขามีการนมัสการหลายรอบ ซึ่งมีคนเต็มจนล้นออกมานอกห้องประชุม ขณะที่กำลังประสบความสำเร็จ และเจริญรุ่งเรือง พวกเขาเริ่มมีทฤษฏีว่า ทำไมคริสตจักรอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในเมืองเดียวกันจึงไม่เติบโต

พวกเขาพูดอย่างเย้ยหยันเกี่ยวกับศิษยาภิบาลของคริสตจักรนั้นว่า คนจะย้ายโบสถ์ เมื่อมีผู้นำที่เลว เนื่องจากเขาเป็นผู้นำที่เลว คนจึงออกจากงานรับใช้ของเขา และมาร่วมกับเรา

ในเวลานั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คนกำลังออกจากคริสตจักรอีกแห่งหนึ่ง และมาร่วมกับคริสตจักรของ

พวกเขา ผมได้ยินเป็นครั้งแรกว่า คริสตจักรอีกแห่งหนึ่งมีผู้นำที่ เลว ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสัมผัสความรู้สึก

ของการเย้ยหยัน และการดูถูก ขณะที่พวกเขากำลังพูดเกี่ยวกับคริสตจักรนี้ และผู้นำที่ เลว

ใช่ครับ ผมไม่ได้สงสัยว่า คนอาจจะย้ายโบสถ์ เนื่องจากการมีผู้นำที่เลว แต่คุณต้องระมัดระวังเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้พิพากษา และหาข้อสรุป

สองสามปีหลังจากนั้น ผู้นำทั้งสามนี้ก็เข้าไปสู่ช่วงเวลาใหม่ในงานรับใช้ ทุกช่วงเวลาใหม่อาจมี

การเปลี่ยนแปลงในเรื่องสมดุลของอำนาจ ในช่วงเวลาใหม่นี้ ผู้ช่วยทั้งสองแยกตัวออกจากศิษยาภิบาลอาวุโส พร้อมทั้งโจมตี และกล่าวหาเขา สิ่งที่พวกเขาเองได้ดูหมิ่นศิษยาภิบาลอีกคนหนึ่งได้เกิดขึ้นกับพวกเขาเอง

แต่รุนแรงกว่า

เมื่อผมได้ยินถึงเหตุการณ์นี้ สิ่งแรกที่ผมคิดถึง ก็คือ สิ่งที่พวกเขาพูดเกี่ยวกับคริสตจักรอีกแห่งหนึ่ง

และศิษยาภิบาลของคริสตจักรนั้น นั่นคือ คนจะย้ายโบสถ์ เมื่อมีผู้นำที่เลว ศิษยาภิบาลอาวุโสของพวกเขาตอนนี้ เป็นผู้นำที่เลวแล้ว หรือ ? อาจจะไม่ใช่ มีเหตุผลมากมายที่คนย้ายโบสถ์ แต่ขอให้แน่ใจว่า คุณจะไม่เยาะเย้ยคนอื่น เมื่อเขาพบความยากลำบาก

ในประเทศของผม มีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า "เมื่อคุณเห็นเคราของเพื่อนไหม้อยู่ อย่าหัวเราะเยาะเขา อย่าได้ถามเขาว่า คุณปล่อยให้เคราของคุณไหม้ได้อย่างไร แต่จงไปตักน้ำมาเก็บไว้ข้าง ๆ ตัว เผื่อว่าเครา

ของคุณจะไหม้ด้วย" พระคัมภีร์กล่าวดังนี้ว่า ... บุคคลที่ยินดี เมื่อมีความลำบากยากเย็น จะไม่มีโทษหามิได้ (สุภาษิต 17:5)

5. องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป เพราะว่าลิขิตชีวิตของคุณไม่ได้มีพวกเขาร่วมอยู่ด้วย

ลูกเล็ก ๆ ทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว และตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาว่า ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์จะมา บัดนี้ ปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์ก็มีอยู่มากแล้ว ฉะนั้นเราจึงรู้ว่า บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว

เขาเหล่านั้นได้ออกไปจากพวกเรา แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ใช่พวกเรา เพราะว่าถ้าเขาเป็นพวกของเรา เขาจะอยู่กับเราต่อไป แต่เขาได้ออกไปแล้ว ซึ่งก็เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า เขาเหล่านั้นหาใช่พวกของเรา

ทุกคนไม่

1 ยอห์น 2:18-19

ไม่ใช่ทุกคนที่ถูกเรียกให้เป็นส่วนหนึ่งในทีมของคุณ ด้วยความคิดตามธรรมชาติ เราเลือกคนที่เรารู้สึกว่า ควรจะอยู่กับเรา แต่พระเจ้าได้ตัดสินใจเลือกคนที่จะเป็นส่วนหนึ่งในลิขิตชีวิตของเราแล้ว

หลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ผมได้มีประสบการณ์ที่น่าเศร้าใจในการที่ต้องปล่อยคนบางคนออกไป

คนที่ผมคิดว่าจะอยู่กับผมตลอดไป แล้วผมก็มีประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของการได้พบกับคนที่มาแทนที่

จริง ๆ แล้ว ผมจะไม่เลือกคนหลายคนที่อยู่กับผมในวันนี้ แต่พระเจ้าได้ทรงเรียกพวกเขาให้ช่วยผม ในงานรับใช้ อย่าต่อสู้ดิ้นรน เมื่อคนบางคนถูกนำออกไปจากคุณ บางครั้ง พวกเขาถูกนำออกไป เพื่อลิขิตชีวิตนิรันดร์

ของคุณ และจะมีคนอื่นจะมาแทนที่พวกเขา

6. องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป เพื่อคุณจะเข้าใจความรู้สึกของพระบิดา ในสวรรค์ เมื่อลูก ๆ ของพระองค์ทิ้งพระองค์ไป

และพระองค์ตรัสว่า "ชายคนหนึ่งมีบุตรชายสองคน บุตรคนน้อยพูดกับบิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ขอทรัพย์

ที่ตกเป็นส่วนของข้าพเจ้าเถิด’ บิดาจึงแบ่งสมบัติให้แก่บุตรทั้งสองต่อมาไม่กี่วัน บุตรคนน้อยนั้นก็รวบรวมทรัพย์ทั้งหมดแล้วไปเมืองไกล และได้ผลาญทรัพย์ของตนที่นั่นด้วยการเป็นนักเลง

ลูกา 15:11-13

การเป็นพ่อหมายถึงการดูแลลูก ๆ ทุกประเภท บางครั้ง พระเจ้าจะอนุญาตให้คุณผ่านสถานการณ์บางอย่าง เพื่อให้คุณเติบโตขึ้นสู่ความเป็นพ่อ คุณไม่ได้เป็นพ่อ เพราะว่าคุณแก่ คุณกลายเป็นพ่อ เพราะว่าคุณมีลูก คุณกลายเป็นพ่อ เพราะว่าคุณสามารถรับมือกับลูกประเภทต่าง ๆ และปัญหาที่พวกเขามีได้

ลองคิดถึงคนอย่างยาโคบ ที่มีลูกหลายคน ลูกแต่ละคนก็แตกต่างกัน ลูกบางคนอยู่ดี ๆ ก็จากคุณไป

แบบบุตรน้อยหลงหาย พระเจ้ามีประสบการณ์กับสิ่งนี้ เพราะว่าเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพ่อของเราทุกคน บนเส้นทางสู่ความเป็นพ่อ คุณมีแนวโน้มที่จะมีประสบการณ์กับการที่คนบางคนละทิ้งคุณไป ให้เดินในความรัก และความเป็นผู้ใหญ่ต่อคนเหล่านั้นที่จู่ ๆ ก็ทิ้งคุณไป, ละทิ้งให้คุณรู้สึกเจ็บปวด หรือแม้กระทั่งหันมาต่อต้านคุณ สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสู่ความเป็นพ่อ

เหตุผลที่พระเจ้าอนุญาตให้บางคนละทิ้งคุณไป ก็คือ เพื่อที่คุณจะกลายเป็นพ่อที่แท้จริง

7. องค์พระผู้เป็นเจ้าอาจอนุญาตให้คนละทิ้งคุณไป เพื่อจับความสนใจ และนำคุณเข้าหาพระองค์

และพระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธต่อซาโลมอน เพราะว่าพระทัยของพระองค์ได้หันไปเสียจากพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ได้ทรงสำแดงต่อพระองค์ถึงสองครั้ง และได้ทรงบัญชาพระองค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า พระองค์ไม่ควรไปติดตามพระอื่น ๆ แต่พระองค์ไม่ได้รักษาพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ เพราะฉะนั้น พระเยโฮวาห์ตรัสกับซาโลมอนว่า "เนื่องจากเจ้าได้กระทำเช่นนี้ และเจ้าไม่ได้รักษาพันธสัญญาของเรา และกฎเกณฑ์ทั้งหลายของเรา ซึ่งเราได้บัญชาเจ้าไว้ เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าเป็นแน่

และมอบให้แก่ผู้รับใช้ของเจ้า

1 พงษ์กษัตริย์ 11:9-11

บางครั้ง คนอาจละทิ้งคุณไป เพราะว่าคุณได้ออกจากน้ำพระทัยของพระเจ้า เยเรโบอัมเลิกรับใช้ซาโลมอน เพราะว่าซาโลมอนได้ออกจากน้ำพระทัยของพระเจ้า เนื่องจากการจากไปของคนบางคนเป็นประสบการณ์

ที่เจ็บปวด สิ่งนี้จึงสามารถจับความสนใจของคุณได้เป็นอย่างดี

ทุกครั้งที่คนบางคนละทิ้งผมไป ผมอธิษฐาน และเป็นคนฝ่ายวิญญาณมากขึ้น มันทำให้ผมสำรวจตัวเอง และดูว่าผมยังอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า และทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือไม่