คําหนุนใจ สําหรับ ลูกสาว ทั้งหลาย

บทที่ 1

ผู้หญิง

นี่คือหนังสือที่ผมกำลังเขียนถึงผู้หญิง เป็นถ้อยคำเพื่อผู้หญิงในทุกหนแห่ง ผู้หญิงถูกสร้างขึ้นมาให้มีความแตกต่างจากผู้ชาย และผมเชื่อว่าพวกเขาสมควรได้รับถ้อยคำที่พิเศษแตกต่างออกไป

พระเยซูกล่าวถึงผู้หญิงอย่างแตกต่างกันสองรูปแบบ พระองค์จะเรียกพวกเธอว่าเป็นหญิงสาว หรือไม่ก็ลูกสาว

มีความแตกต่างกันระหว่างการเป็นลูกสาวกับหญิงสาว ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมจะพอใจมากที่พระเยซูทรงเรียกผมว่าเป็น ลูกสาว ผมคิดว่าลูกสาวได้รับการยอมรับมากกว่า เปิดเผยมากกว่า และถ่อมใจมากกว่า ในทางธรรมชาติ ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วมักจะไม่ได้รับอิทธิพลง่ายเหมือนกับลูกสาว

ความขมขื่นของชีวิต

ผู้หญิงจำนวนมากเต็มไปด้วยความขมขื่นเนื่องจากประสบการณ์ในชีวิตของพวกเธอ พวกเธอแข็งกระด้าง ไม่ให้อภัย และไม่มีความเมตตา ประสบการณ์อันเจ็บปวดในชีวิตได้ชำระล้างความงดงามแห่งความเชื่อและความไว้วางใจออกไป พวกเธอพูดว่า ฉันจะไม่ไว้ใจผู้ชายคนใดอีก พวกเธอยังพูดกับตัวเองด้วยว่า อย่าไว้ใจผู้หญิงคนไหน ผมสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงจำนวนมากที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว พวกเธออยู่อย่างสันโดษจนแทบจะไม่มีเพื่อนสักคน

สังเกตว่าพระเยซูได้ตรัสกับหญิงชาวสะมาเรียอย่างไร พระองค์กำลังพยายามนำผู้หญิงคนนี้ให้เชื่อในสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์กำลังตรัส

"...หญิงเอ๋ย เชื่อเราเถิด คงมีสักวันหนึ่งที่พวกเธอจะไม่ได้นมัสการพระบิดาทั้งที่ภูเขานี้หรือที่เยรูซาเล็ม

ยอห์น 4:21

สังเกตวิธีการที่พระเยซูตรัสกับผู้หญิงคนนี้เรื่องการล่วงประเวณี นี่คือผู้หญิงคนหนึ่งที่เกือบสูญเสียทั้งชีวิตของเธอไปกับการไม่ให้อภัยผู้ชาย พระองค์ต้องการให้เธอกลับมาเชื่อมั่นในความรักอีกครั้งหนึ่ง

...หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด? ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ?นางทูลว่า "ท่าน

เจ้าข้า ไม่มีใครเลย แล้วพระเยซูตรัสว่า เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก"

ยอห์น 8:10,11

สังเกตวิธีที่พระเยซูตรัสกับผู้หญิงคนนี้ที่ได้ทนทุกข์อยู่กับความโดดเดี่ยวมาแล้วเป็นเวลาสิบแปดปี ผู้หญิงคนนี้ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาแล้ว เธออยู่ในความขมขื่นและเจ็บปวดมาเป็นเวลานาน ผู้หญิงคนนี้ต้องการการอัศจรรย์ สังเกตวิธีที่พระเยซูตรัสถึงเธอในคริสตจักร

...หญิงเอ๋ย เธอได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากโรคของเธอแล้วเมื่อพระองค์วางพระหัตถ์บนตัวนาง ทันใดนั้นนางก็ยืดตัวตรงได้ และสรรเสริญพระเจ้า

ลูกา 13:12,13

บทที่ 2

ลูกสาว

โดยปกติแล้ว คนที่เป็นลูกสาวจะไม่เต็มไปด้วยความขมขื่นหรือการไม่ให้อภัย แต่มีความอ่อนหวานและไร้เดียงสาที่เป็นลักษณะของลูกสาวคนหนึ่ง นอกจากนั้นลูกสาวยังมีความไว้วางใจและเชื่อมั่นเป็นพิเศษต่อคนที่เป็นพ่อของเธอ น่าเสียดายที่ความเชื่อ ความหวัง และความรักของลูกสาวนั้นได้จางหายไปเมื่อพวกเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่

พระเยซูตรัสถึงผู้หญิงบางคนว่าเป็นลูกสาว ผมเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นเพราะคาวมเชื่อของพวกเธอที่มีในพระองค์ พระองค์สังเกตเห็นความรักอันบริสุทธิ์ที่พวกเธอมีให้กับพระองค์

ขอให้พวกเรามองดูผู้หญิงกลุ่มนี้ที่พระเยซูทรงปรนนิบัติพวกเธอ ในครั้งนี้เราสังเกตเห็นวิธีการที่พระองค์ตรัสถึงพวกเธอแตกต่างออกไป

หนึ่งในการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเยซูได้เคยกระทำ คือการรักษาผู้หญิงที่มีโลหิตตก เราเห็นว่าพระเยซูตรัสถึงเธอว่าเป็นลูกสาว! ผู้หญิงคนนี้สามารถเข้าถึงการทรงเจิมในขณะที่คนอื่นๆรอบข้างไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดเลย

...และหญิงผู้นั้นรู้สึกตัวว่าโรคหายแล้ว...

มาระโก 5:29

แต่พระเยซูตรัสว่า มีคนหนึ่งแตะต้องตัวเรา เพราะเรารู้สึกได้ว่าฤทธิ์ซ่านออกจากตัวเรา

ลูกา 8:46

ผมต้องการให้คุณสังเกตบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับลูกสาวคนนี้ อย่างแรก เธอมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ในความสามารถของพระเยซู ขณะที่เธอเจ็บป่วยและอ่อนแอ เธอได้ฝ่าฝูงชนเข้าไปจนในที่สุดเธอก็ได้สัมผัสชายเสื้อคลุมของพระองค์

ผู้หญิงคนนี้ต้องใช้ความเชื่อที่ยิ่งใหญ่มากในการฝ่าฝูงชนที่เบียดเสียดเข้าไปนั้น สิ่งที่ทำให้เธอได้เป็นลูกสาวผู้ยิ่งใหญ่ คือความเชื่อและไว้วางใจ สิบสองปีแห่งความขมขื่นในชีวิตของเธอที่มีต่อผู้คนต่าง ๆ ไม่สามารถทำลายหัวใจที่มีความเชื่อของเธอได้

ผู้หญิงที่คอยระวัง

บางครั้งเบื้องหลังชีวิตที่เป็นประสบการณ์ในการทำบาปกับผู้ชายหลากหลาย ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่จะไว้ใจผู้ชายคนใด เธอมีความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยต่อพ่อของเธอ ต่อศิษยาภิบาล หรือต่อผู้รับใช้ของพระเจ้าคนใดก็ตาม เธอไม่สามารถเชื่อในความดีและความบริสุทธิ์ที่มีอยู่ บางครั้งการเติบโตขึ้นมาท่ามกลางวัฒนธรรมแห่งการหวาดระแวงและนินทา ก็ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งการไม่ไว้วางใจถูกหว่านลงไปตลอดกาล ผู้หญิงแบบนี้จะมีแนวโน้มเป็นคนที่เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เชื่อ คลางแคลงใจ และหวาดระแวง โดยปกติแล้ว ผู้หญิงที่ไม่สามารถไว้วางใจใครได้ก็จะไม่สามารถรักได้ เธอจะเต็มไปด้วยความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์แบบย่อมขจัดความกลัวจนหมดสิ้น พระคัมภีร์พูดถึงความรักว่า...

…เชื่อในทุกสิ่ง…

1 โครินธ์ 13:7

ลูกสาวรับการทรงเจิมของคนที่เป็นพ่อของพวกเธอ

เครื่องหมายอีกอย่างที่สังเกตเห็นได้เกี่ยวกับลูกสาวคนนี้ (ผู้หญิงที่มีโลหิตตก) คือความจริงที่ว่าเธอได้รับการทรงเจิมของพระเยซู นี่คือบันทึกเพียงแห่งเดียวในพระคัมภีร์เกี่ยวกับการทรงเจิมไหลที่จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งโดยที่ทั้งสองฝ่ายสามารถสัมผัสได้ พระเยซูทรงรู้สึกว่าการทรงเจิมไหลออกไปจากพระองค์และลูกสาวรู้สึกว่าการทรงเจิมไหลเข้ามาในร่างกายของเธอ

คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่า ลูกคือคนที่จะรับเอาของขวัญอันมีค่าที่สุดจากพ่อแม่ คนที่จะรับมรดกจากพ่อแม่ของพวกเขาคือลูก ไม่ใช่คนที่เทียบเท่าลูก หรือเพื่อนร่วมงาน

จะมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของผู้หญิงที่มีแนวโน้มในการท้าทายสิทธิอำนาจของผู้ชาย ผมไม่ได้ตำหนิเธอเพราะผู้ชายหลายคนไม่รับผิดชอบและไม่สมควรที่จะไว้วางใจจริง ๆ

แต่การต่อต้านผู้ชายและการปลุกระดมเพื่อต่อต้านสิทธิอำนาจของพวกเขาสามารถขัดขวางคุณจากการทรงเจิมได้ คุณจะมีท่าทีต่อต้านของประทานของพระเจ้าไปเรื่อยๆ ซึ่งคุณก็เห็นแล้วว่าภาชนะจำนวนมากที่พระเจ้าทรงใช้นั้นเป็นผู้ชาย

เมื่อคุณยอมรับใครบางคนในฐานะพ่อ คุณก็เปิดตัวเองให้รับของประทานจากเขาได้มากที่สุด นั่นอาจเป็นเหตุผลที่พระเยซูกล่าวถึงเธอคนนั้นว่าเป็น ลูกสาว

...ลูกหญิงเอ๋ย ที่หายโรคนั้นก็เพราะลูกเชื่อ จงไปเป็นสุขและหายโรคนี้เถิด

มาระโก 5:34

ลูกสาวอยู่อย่างนิรันดร์

ในอีกโอกาสหนึ่ง เมื่อพระเยซูอยู่บนถนนไปสู่กางเขน มีฝูงชนกลุ่มใหญ่ติดตามพระองค์ ในท่ามกลางฝูงชนนี้ มีพวกผู้หญิงที่ทุกข์ใจเนื่องจากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับพระองค์ พวกเธอเป็นคนที่สนับสนุนพระองค์และมีส่วนร่วมกับพระองค์อย่างเปิดเผย

ในชั่วโมงนั้นขณะที่ผู้ชายทุกคนรวมถึงพวกอัครทูตทั้งหลายได้ทอดทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ผู้หญิงเหล่านี้กลับยืนหยัดเข้มแข็ง พระเยซูหันไปหาพวกเธอและเผยพระวจนะจากพระทัยของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ตรัสถึงผู้หญิงเหล่านี้ที่สนับสนุนพระองค์ว่าเป็นหญิงสาว แต่พระองค์เรียกพวกเธอว่าเป็นลูกสาว

...ธิดาทั้งหลายแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้สงสารเราเลย แต่จงร้องไห้สงสารตนเองและลูกๆ เถิด

ลูกา 23:28

จงตัดสินใจเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่พระเยซูมองว่าเป็นลูกสาว หมายถึง คนที่เปิดรับการทรงเจิม! คือคนที่สนับสนุนผู้ชายที่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า! คือคนที่เตรียมพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในนิมิตอย่างเปิดเผยและร้อนรน!

บทที่ 3

การปกคลุม

ผู้หญิงจำเป็นต้องได้รับการปกคลุม

ผผู้หญิงจำเป็นต้องได้รับการปกคลุมสำหรับชีวิตของพวกเธอ การปกคลุมนี้เป็นเหมือนโล่ป้องกัน น่าเสียดายที่ผู้หญิงจำนวนมากไม่ยอมรับความจริงนี้ พวกเธอมองตัวเองว่าเท่าเทียมกับผู้ชายและดีได้เหมือนผู้ชาย

แต่ผู้หญิงทุกคนที่อธิษฐานหรือเผยพระวจนะโดยไม่คลุมศีรษะ ก็ทำความอับอายแก่ศีรษะของเธอ เพราะเหมือนกับว่าเธอได้โกนผมเสียแล้ว

1 โครินธ์