จริยธรรม ของผู้รับใช้ ฉบับที่สอง

บทที่ 1

ทำไมต้องมีจริยธรรม?

...ท่าน​ก็​จะ​ได้​รู้​ว่า​ควร​ประ​พฤติ​อย่าง​ไร​ภาย​ใน​ครอบ​ครัว​ของ​พระ​เจ้า...

1 ทิโมธี 3:15

ผู้รับใช้ต่างอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก แรงกดดันด้านการเงิน แรงกดดันจากครอบครัวและแรงกดดันจากความคาดหวังของผู้คนก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยจากหลายสิ่งที่เรียกร้องในการรับใช้ แรงกดดันเหล่านี้ในงานรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้ามักทำให้เกิดความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของศิษยาภิบาลทั้งหลาย

สำหรับในการรับใช้พระเจ้าแล้ว การประพฤติที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้เกิดโอกาสผิดพลาดในการนำเสนอสิ่งที่เรายืดหยัดในการรับใช้พระเจ้า ไม่เคยมีช่วงไหนในพระประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสเตียนที่การประพฤติและการใช้ชีวิตของผู้รับใช้จะถูกตรวจสอบกันอย่างละเอียด พวกเราซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเรียกเข้าสู่การรับใช้นี้ต้องต่อสู้เพื่อรักษามาตรฐานบางอย่างไว้ โลกกำลังมองดูพวกเราอยู่โดยหวังว่าจะได้พบข้อผิดพลาดบางอย่างเพื่อพวกเขาจะได้หาเรื่องใส่พวกเรา ด้วยเหตนี้ท่านเปาโลจึงได้บอกว่าบรรดาผู้รับใช้ควรเป็นคนที่มีชื่อเสียงดีต่อบรรดาคนที่ไม่เชื่อด้วย

นอก​จาก​นั้น​เขา​จะ​ต้อง​มี​ชื่อ​เสียง​ดี​ใน​หมู่​คน​ภาย​นอก เพื่อ​เขา​จะ​ไม่​ถูก​ติเตียน​และ​ไม่​ติด​กับ​ดัก​ของ​มาร

1 ทิโมธี 3:7

เมื่อพระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ พระองค์ทรงเรียกเขาให้ติดตามพระองค์ก่อน แล้วก็เรียนรู้จากพระองค์ พวกเราไม่มีทางที่จะหยุดการเรียนรู้ การรับใช้เป็นเส้นทางแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สิ่งหนึ่งที่ท่านเปาโลได้สอนพวกเราเรียนรู้จากท่านคือการประพฤติ หรือพูดได้อีกนัยหนึ่งว่า เราต้องทำตามหลักจริยธรรมที่ส่งผลต่อความประพฤติขของท่านในฐานะของผู้รับใช้

แต่​ท่าน​ก็​ได้​ดำ​เนิน​ตาม​สิ่ง​ต่างๆ เหล่า​นี้​ของ​ข้าพเจ้า​อยู่​แล้ว คือ​ดำ​เนิน​ตาม​พฤติ​กรรม...

 2 ทิโมธี 3:10

แล้วจริยธรรมของผู้รับใช้คืออะไร?  นี่คือมาตรฐาน หลักการและแนวทางคร่าวๆ ที่เราต้องรักษาไว้ในการรับใช้ การมีจริยธรรมเป็นสิ่งที่เที่ยงธรรม เหมาะสม มีเกียรติ มีศีลธรรม มีกฎ โดดเด่น และเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ

ในด้านตรงกันข้าม ความประพฤติที่ไร้จริยธรรมคือความไม่ถูกต้อง ไม่งดงาม ไม่เหมาะสม ไร้เกียรติ เป็นที่เคลือบแคลง เลินเล่อ และอาจไม่ซื่อตรง

จริยธรรมไม่ใช่อะไร

แนวทางของจริยธรรมไม่ใช่กฎบังคับที่ตายตัว จริยธรรมไม่ใช่พระบัญญัติของพระเจ้า จริยธรรมไม่ใช่ข้อพระคัมภีร์และคุณจะพบว่าบางเรื่องก็ไม่ได้นำมาใช้กันในสถานการณ์ที่แตกต่างกันในการรับใช้ แต่อย่างไรก็ตาม จริยธรรมเหล่านี้เป็นแนวทางทั่วไปที่เป็นประโยชน์สำหรับการรับใช้ การไม่ได้ทำตามจริยธรรมบางข้อก็ไม่ได้เป็นความบาป  แต่เป็นแนวคิดที่อาจช่วยเราให้รับใช้ได้อย่างเกิดผล ผมกำลังนำเสนอแนวทางของพระคัมภีร์เหล่านี้เพื่อช่วยบรรดาผู้รับใช้ในการดำเนินชีวิตและรับใช้อย่างมีสติปัญญา

ผมอธิษฐานขอให้ทุกท่านได้พบบางสิ่งในหนังสือเล่มนี้ที่จะเป็นประโยชน์ในการอบรมในทางธรรม เพื่อท่านหรือคนของพระเจ้า จะ​มี​ความ​สา​มารถ​และ​พรัก​พร้อม​เพื่อ​การ​ดี​ทุก​อย่าง (2 ทิโมธี 3:17)

บทที่ 2

จริยธรรมสำหรับหัวหน้า

มี​สิ่ง​สา​มานย์​ที่​ข้าพ​เจ้า​เห็น​ภาย​ใต้​ดวง​อา​ทิตย์ ประ​หนึ่ง​ว่า​เป็น​ความ​ผิด​ซึ่ง​มา​จาก​ผู้​มี​อำ​นาจ

ปัญญาจารย์ 10:5

ในทุกคริสตจักรจะมีหัวหน้าหรือศิษยาภิบาลอาวุโสได้เพียงคนเดียว สิ่งที่ดีสามารถออกมาจากหัวหน้าได้ แต่ความผิดพลาดก็สามารถออกมาจากคนในระดับนี้ได้เช่นกัน

หัวหน้าเป็นคนที่มีนิมิตของคริสตจักร  หัวหน้าต้องยอมรับว่าเขาเองไม่สามารถทำงานคนเดียวเพื่อจะให้เกิดผลได้ เขาต้องทำงานกับคนอื่นๆ เป็นทีม เพราะมีทีมนี้เองที่ทำให้เขาเป็นหัวหน้าได้

ศิลปะของการเป็นหัวหน้าคือศิลปะของการนำทีม การพัฒนาทีมที่มีประสิทธิภาพและทำงานได้อย่างเกิดผล หัวหน้าจะต้องสร้างความสัมพันธ์ในการทำงานที่ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ช่วยและผู้รับใช้รุ่นใหม่ จงแบ่งปันภาระใจในการรับใช้กับคนอื่นและคุณจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่และเกิดผลมากยิ่งขึ้น

การเป็นหัวหน้าที่ประสบความสำเร็จเกี่ยวข้องกับการไว้ใจผู้คนได้เพียงพอจนแบ่งปันความรับผิดชอบยิ่งใหญ่ที่คุณแบกไว้ให้กับคนอื่นได้ หัวหน้าของคริสตจักรทำหลายสิ่งที่ไม่เหมาะสมในขอบข่ายของการเป็นหัวหน้าทีม การกระทำที่ไม่มีจริยธรรมเหล่านี้นำไปสู่ความไม่น่าเชื่อถือของทีมและคริสตจักร

ทีมที่แตกแยกกันในทุกๆ สองสามปีจะไม่มีทางเป็นทีมใหญ่ได้ การแตกแยกของทีมศิษยาภิบาลเป็นปัญหาหนึ่งของการรับใช้ในยุคใหม่นี้ บางทีร้อยละสี่สิบของสาเหตุของการไม่ลงรอยกันอาจเกิดมาจากหัวหน้า อีกร้อยละสี่สิบมาจากผู้ช่วย และอีกร้อยละยี่สิบมาจากทั้งหัวหน้าและผู้ช่วย

ทีมประกอบไปด้วยผู้คนมากมายหลายรูปแบบที่คุณทำงานด้วย พวกเขาอาจเป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาล ผู้นำคณะนักร้อง ผู้นำนมัสการ บรรณาธิการ คณะผู้บริหาร และอื่นๆ

ต่อไปนี้ ผมจะให้แนวทางสองสามข้อในการมีจริยธรรมที่ผู้รับใช้อาวุโสจะทำตามได้อย่างดี: 

1. ให้ทุกคนรู้ว่าคุณคือหัวหน้า และคุณ รู้ ตัวว่าคุณคือหัวหน้า