You are on page 1of 22

ความหมายของคำาว่า การพัฒนาชุมชน

โดย สรฤทธ จันสุข


นั กพัฒนาชุมชน
15 - 10 – 2549

กรมการพัฒนาชุมชน (2548 : 10) ได้สรุปความหมาย การพัฒนา


ชุมชน หมายถึง การพัฒนาความคิด ความสามารถของประชาชนให้
เกิดความเชื่อมัน
่ ช่วยเหลือตนเอง เพื่อบ้าน และชุมชน เพื่อยก
ระดับคุณภาพชีวิตให้มีมาตรฐานความเป็ นอย่่ท่ีดีข้ ึน โดยความร่วมมือ
ของราษฎรและภาครัฐ

จิตจำานงค์ กิติกีรติ และชัยวัฒน์ สิทธิภราดร


(2532 : 5) ได้ศึกษาสภาพการเปลี่ยนแปลงของชุมชน และให้ความ
หมายของการพัฒนาชุมชนไว้ว่า เป็ นการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบ
ของชุมชนจากสภาพที่เป็ นอย่่ไปส่่สภาพที่พึงปรารถนา ด้วยการจงใจ
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเพื่อเปลี่ยนสภาพของส่วนประกอบของ
ชุมชนให้เป็ นไปตามเป้ าหมายที่ชุมชนตั้งไว้

ชิรวัฒน์ นิ จเนตร (2528 : 22) ให้ความหมาย


สรุปได้ว่า การพัฒนาชุมชน หมายถึง การปรับปรุงสภาพต่างๆ ของ
ชุมชน รวมทั้งมาตรฐานความเป็ นอย่่ให้ดีข้ ึน เพื่อนำามาซึ่งความเจริญ
ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง ตามแนวทางที่ชุมชน
ต้องการโดยความคิดริเริม
่ การพึ่งพาตนเอง และความร่วมมือกันของ
ชุมชน และระหว่างรัฐกับราษฎร ถ้าจำาเป็ นก็อาจขอความช่วยเหลือ
จากภายนอกชุมชน
บุญศรี แก้วคำาศรี และมนตรี ขอรัตน์ (2529 :
45) ได้ให้ความหมายของการพัฒนาชุมชนไว้ว่า หมายถึง การทำาให้
ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีข้ ึน ให้เจริญก้าวหน้าทั้งด้านวัตถุ
และจิตใจโดยความร่วมมือของคนในชุมชนนั้ น และอาจโดยความร่วม
มือของคนนอกชุมชนด้วยถ้าหากจำาเป็ น

ปรียา พรหมจันทร์ (2542 : 15) ได้สรุปความ


หมายไว้ว่า การพัฒนาชุมชน หมายถึง การสร้างความเจริญให้เกิดขึ้น
แก่ชุมชนในทุกด้าน โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
ชุมชนและผ้่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งพัฒนากระบวนการเรียนร้่ของประชาชน
ให้ดำาเนิ นการพัฒนาและแก้ปัญหาของชุมชนได้อย่างยัง่ ยืนโดยใช้
ทรัพยากรในชุมชนที่มีอย่่ให้มากที่สุด

พัฒน์ บุญยรัตน์พันธ์ (2517 : 9) ให้ความ


หมายของการพัฒนาชุมชน ซึ่งสรุปได้ว่า เป็ นการร่วมมือระหว่างรัฐ
และประชาชนในการพัฒนาชุมชนให้ดีข้ ึนในทุกๆ ด้าน นั ่นคือ
เป็ นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างมีแบบแผนและไปทิศทางที่ดี
กว่าเดิม

รุจิกร ชาวนา (2543 : 10) ได้ให้ความหมายไว้


ว่า การพัฒนาชุมชน หมายถึง การทำาให้ชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงไป
ในทางที่ดีข้ ึน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
ตลอดถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนให้ดีข้ ึน
และประชาชนเป็ นผ้่กระทำาการโดยมีรฐั บาลและภาคเอกชนสนั บสนุ น
วิมลศรี อุปรมัย และคนอื่นๆ (2528 : 10)
กล่าวถึงการพัฒนาชุมชน ว่าหมายถึง กระบวนการที่รฐั บาลใช้กระตุ้น
เตือน ส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความคิดริเริม
่ ร่วมมือกันปรับปรุง
ความเป็ นอย่่ เสริมสร้างให้เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยเจริญก้าวหน้า
วิรช
ั วิรช
ั นิ ภาวรรณ (2531 : 66-67) ได้สรุป
ความหมายของการพัฒนาชุมชนไว้ในฐานะต่างๆ
ดังนี้ 1. ฐานะเป็ นขบวนการ หมายถึง
ขบวนการที่มุ่งส่งเสริมความเป็ นอย่่ของประชาชนให้ดีข้ ึน โดยความ
ร่วมมืออย่างจริงจากประชาชน 2. ฐานะเป็ น
โครงการ หมายถึง โครงการที่ช่วยให้ราษฎรในหม่่บ้านสามารถใช้
บริการต่างๆ ของรัฐให้เป็ นประโยชน์ 3.
ฐานะเป็ นวิธีการ หมายถึง วิธีการที่กระทำากับงานจริงๆ และวิธีการดัง
กล่าวจะเป็ นการพัฒนาชุมชนหรือไม่ ก็ต่อเมื่อร้่ว่างานดังกล่าวนั้ น
กระทำาโดยวิธีใด
4. ฐานะเป็ นกระบวนการ หมายถึง
กระบวนการแห่งการกระทำาทางสังคม ซึ่งประชาชนในชุมชนร่วมกัน
วางแผนและลงมือกระทำาเองตามความต้องการของชุมชน โดยใช้
ทรัพยากรที่มีในชุมชนให้มากที่สุด

สมศักดิ์ ศรีมาโนชน์ (2523 : 30) กล่าวว่า การ


พัฒนาชุมชนเป็ นกระบวนการที่มุ่งส่งเสริมความเป็ นอย่่ของ
ประชาชนให้ดีข้ ึน โดยความร่วมมืออย่างจริงจังของประชาชน และ
ควรเป็ นความคิดริเริม
่ ของประชาชนด้วย หากประชาชนไม่ร้่จักคิด
ริเริม
่ ขึ้นก็ให้กระตุ้นเตือนให้เกิดความคิดริเริม
่ ให้ประชาชนตอบ
สนองด้วยความกระตือรือร้น

สัญญา สัญญาวิวัฒน์ (2515 : 20 – 21) ได้


อ้างความหมายการพัฒนาชุมชนตามองค์การสหประชาชาติ สรุปไว้ว่า
การพัฒนาชุมชนเป็ นกรรมวิธีแห่งการกระทำาของสังคมซึ่งราษฎรใน
ชุมชนนั้ นๆ ร่วมกันวางแผนและลงมือกระทำาเอง กำาหนดว่ากลุ่มของ
ตนและของแต่ละคนมีความต้องการ และมีปัญหาอะไร เพื่อให้ได้มา
ในสิ่งที่ต้องการและสามารถแก้ไขปั ญหานั้ น โดยใช้ทรัพยากรใน
ชุมชนให้มากที่สุด ถ้าจำาเป็ นอาจขอความช่วยเหลือด้านบริการ หรือ
วัสดุ จากองค์กรต่างๆ ก็ได้

สาย หุตะเจริญ (อ้างอิงมาจาก กรมการพัฒนา


ชุมชน. 2548 : 10) ให้ความหมาย การพัฒนาชุมชน ไว้ว่าเป็ นการ
สร้างชุมชนให้เจริญ โดยอาศัยกำาลังความสามารถของประชาชนและ
ความช่วยเหลือของรัฐบาลร่วมกัน

เสถียร เหลืองอร่าม (2518 : 71) กล่าวถึงการ


พัฒนาชุมชน ว่าหมายถึง กรรมวิธีแห่งการกระทำาทางสังคม ซึ่ง
ประชาชนในชุมชนหนึ่ งๆ ร่วมกันจัดวางแผนและกระทำาการเอง โดย
กำาหนดความต้องการและปั ญหา พร้อมจัดทำาแผนการเพื่อให้ได้มาใน
สิ่งที่ต้องการและความสามารถแก้ไขปั ญหา จากทรัพยากรที่มีอย่่ใน
ชุมชนนั้ นให้มากที่สุด ถ้าจำาเป็ นอาจขอความช่วยเหลือจากองค์กร
ภายนอกได้
ดังนั้ น สรฤทธ จันสุข จึงได้สรุปความหมายของการพัฒนาชุมชนไว้
ว่า การพัฒนาชุมชน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงชุมชนให้ดีข้ ึนใน
ด้านแนวความคิดหรือการกระทำา ที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า และ
เป็ นการเปลี่ยนไปตามแผนที่วางไว้ ขออภัยที่ไม่ได้ลงบรรณานุ กร
มน่ะครับ
หมวดหมู่: เรื่องทั่วไป
คำำสำำคัญ: การพัฒนาชุมชน ความหมาย
สัญญำอนุญำต: สงวนสิทธิท ์ ุกประการ
สร้าง: อา. 15 ต.ค. 2549 @ 17:33 แก้ไข: อา. 15 ต.ค. 2549 @ 17:33
http://gotoknow.org/blog/2-2/54709

ผศ.ธนากร สังเขป
ประธานโปรแกรมวิชาการพัฒนาฃุมชน
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มรลป.
ความสำาคัญของการพัฒนาชุมชน
เป้ าหมายของการพัฒนาชุมชน คือ “คน” ซึง่ เป็ นกลุุมอันหลากหลาย
กระจัดกระจายอยุ่ทัว
่ ประเทศ เป็ นหมุ่บ้าน เป็ นชุมชนเมือง เป้นกลุุม
อาชีพ เป็ นกลุุมกิจกรรม ฯลฯ กลุุมตุาง ๆ เหลุานีเ้ ป็ นรากฐาน
สำาคัญของประเทศ เราเห็นพ้องกันวุาการพัฒนาคน เป็ นแนวทาง
การพัฒนาประเทศทีถ
่ ่กต้อง การพัฒนาคนจึงเป็ นเป้าหมายของ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐ –
๒๕๔๔) และตุอใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่
๙(พ.ศ. ๒๕๔๕ – ๒๕๔๙) รากฐานของประเทศดีขึน
้ เจริญขึน
้ ในทุก
ๆ ด้าน ประเทศชาติก็ดีขึน
้ เจริญขึน
้ เป็ นสังคมพัฒนา สังคม
พัฒนาดี สมาชิกในสังคมยุอมได้รับผลพวงของการพัฒนา ทุกอยุาง
มันเกีย
่ วข้องสัมพันธ์กัน การเล็งเป้าการพัฒนาไปทีค
่ น ก็คือการเล็ง
เป้ าไปทีช
่ ุมชน จึงเป็ นภารกิจของทุกคนทีเ่ กีย
่ วข้อง ทีจ
่ ะต้องรุวมมือ
กันพัฒนาอยุางจริงจัง รวมทัง้ ต้องพัฒนาคนเองด้วย เหมือนตนเอง
เป็ นชุมชนหนึง่ องค์กรทัง้ หลายก็ต้องพัฒนาตนเองเชุนเดียวกัน
เพราะองค์กรก็มีความเป็ นชุมชนด้วย ถ้าเราจินตนาการวุาคนเหมือน
เซล (cell) ของประเทศ (รุางกาย) เซลทุกเซลได้รับการเอาใจใสุ
ด่แลให้ดี ทำาให้พัฒนา ประเทศชาติหรือสังคมไทยเราจะเป็ นอยุางไร
ลองจินตนาการตุอไป เพราะฉะนัน
้ เป้าหมายของประเทศ หรือ
สังคม จึงต้องพัฒนาคนหรือชุมชน
หลักคิดการพัฒนาในอดีต
จะขอย้อนทบทวนหลักคิดของการพัฒนาในอดีต ตัง้ แตุมีแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแหุงชาติ ฉบับที ่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔) เป็ นต้นมา เพือ

ให้เห็นภาพเส้นทางการพัฒนาประเทศไทยในชุวงเกือบ ๕ ทศวรรษที ่
ผุานมา วุา เราหลงทิศหลงทางกันอยุางไรหรือไมุ เราใช้เวลานานพอ
สมควร ผลลัพธ์คุ้มคุากับเวลาทีเ่ สียไปหรือไมุเพียงไร
แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที ่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔ – ๒๕๐๙) ในชือ

แผนมีเฉพาะคำาวุา “เศรษฐกิจ” ไมุมีคำาวุา “สังคม” เพราะแผนมุุงเน้น
การพัฒนาเฉพาะเศรษฐกิจ เป็ นยุคสมัย “นำา
้ ไหล ไฟสวุาง ทางดี มี
งานทำา” แตุก็ไมุประสบความสำาเร็จเทุาทีค
่ วร
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๐
– ๒๕๑๔) เพิม
่ คำาวุา “สังคม” ไว้ในแผน เพราะเห็นวุาในแผนพัฒนาฯ
ฉบับที ่ ๑ ได้ละเลยเรือ
่ งสังคม ทำาให้สังคมมีปัญหา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๑๕
– ๒๕๑๙) เป็ นการพัฒนาตุอเนือ
่ งจากแผนที ่ ๒ ผลการพัฒนาเริม
่ มี
ปั ญหาเรือ
่ งสิง่ แวดล้อมและการทำาลายทรัพยากรธรรมชาติ (ใช้
ทรัพยากรธรรมชาติเพือ
่ การพัฒนาทีไ่ มุคุ้มคุา)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๐
– ๒๕๒๔) หันมาให้ความสำาคัญกับเรือ
่ งสิง่ แวดล้อมและ
ทรัพยากรธรรมชาติ แตุในทางปฏิบัติยังไมุบังเกิดผล
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕
– ๒๕๒๙) เป็ นแผนตุอเนือ
่ งจากแผนที ่ ๔ เพือ
่ ให้ภาคปฏิบัติบรรลุเป้ า
หมาย
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๐
– ๒๕๓๔) เป็ นแผนขยายผลแผนที ่ ๕ ในทางปฏิบัติ เน้นการพัฒนา
เศรษฐกิจมาก ละเลยเรือ
่ งของสังคม ปั ญหาสังคมเริม
่ สุงผลรุนแรง
และสลับซับซ้อนมากขึน
้ ด้านสิง่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ก็
มีการทำาลายสิง่ แวดล้อมและใช้ทรัพยากรธรรมชาติไมุคุ้มคุามากขึน
้ (
ข้อมูลป่ าไม้เมือ
่ ปี พ.ศ.๒๕๓๒ พืน
้ ทีป
่ ่ าของไทยซึง่ มีอยู่ ๑๐๙.๕ ล้าน
ไร่ หรือร้อยละ ๓๔ ของพืน
้ ทีป
่ ระเทศไทยทัง้ หมด เหลือไม่ถึง ๙๐
ล้านไร่ หรือไม่ถึงร้อยละ ๒๘ ของพืน
้ ทีท
่ ัง้ หมด)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๗ (พ.ศ.
๒๕๓๕ – ๒๕๓๙) ได้ปรับแผนโดยเน้นให้เกิดความสมดุลในทุกด้าน
และยึดหลักการพัฒนาแบบยัง่ ยืน แตุในทางปฏิบัติไมุบรรลุ
วัตถุประสงค์ และเกิดภาวะ “ทันสมัยแตุไมุพัฒนา” (มีความเจริญ
ทางด้านวัตถุแต่ด้านจิตใจตกต่่า)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐
– ๒๕๔๔) เป็ นแผนเน้นการพัฒนา “คน” แตุในทางปฏิบัติต้องเผชิญ
กับวิกฤติเศรษฐกิจ (รัฐบาลในสมัยนัน
้ – รัฐบาลของ พลเอกชวลิต
ยงใจยุทธ ประกาศลดค่าเงินบาทเมือ
่ วันที ่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๐ และ
เปลีย
่ นตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหลายครัง้ เพือ
่ แก้ไข
ปั ญหาวิกฤติเศรษฐกิจ)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๙ (พ.ศ.
๒๕๔๕ – ๒๕๔๙) เป็ นแผนตุอเนือ
่ งจากแผน ๘ เน้นการปฏิร่ปทุก
ระบบ พลิกวิกฤติเป็ นโอกาส เน้นชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก ขณะ
นีเ้ ข้าสุ่ปีที ่ ๓ ต้องรอประเมินผลเมือ
่ สิน
้ สุดแผนวุาผลการพัฒนาจะ
เป็ นอยุางไร ในขณะนีจ
้ ะเห็นการปฏิร่ปหลาย ๆ ระบบ เชุน
การเมือง ราชการ เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย สุขภาพ การศึกษา
ทัง้ หมดเป้าหมายอยุ่ทีค
่ น และเพือ
่ คน
ผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) ของการพัฒนาในอดีต
๑. คน หรือประชาชน ชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๑ – ๗
เป็ นเวลากวุา ๓๐ ปี ทีม
่ ุงพัฒนาเศรษฐกิจ แม้จะให้ความสำาคัญทาง
ด้านสังคม สิง่ แวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติในชุวงหลัง ๆ
แตุจุดเน้นในทางปฏิบัติก็ให้ความสำาคัญตุอการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำาให้
มีผลตุอพฤติกรรม และคุานิยมของประชาชน กลุาวคือ มีพฤติกรรม
เลียนแบบตะวันตก ทอด ทิง้ เอกลักษณ์ทีด
่ ีงามของไทยหลายอยุาง
และมีคุานิยมให้ความสำาคัญกับวัตถุมากกวุาจิตใจ นีค
่ ือผลผลิตที ่
เป็ นคนหรือประชาชน และปั จจุบันคนเหลุานีก
้ ำาลังอยุ่ในวัยทีเ่ ป็ นหลัก
รับผิดชอบตุอสังคมสุวนใหญุอยุ่ เป็ นวัยทีถ
่ ุายทอดหลักคิด (ซึง่ ส่งผล
ต่อพฤติกรรม) และคุานิยมแกุคนรุุนตุอไป สิง่ ทีจ
่ ะเกิดขึน
้ ตุอสังคม
ไทยตุอมา (Outcome) คือ สังคมไทยกลายเป็ นสังคมตะวันตกมากขึน

ทุกวัน และยังเป็ นสังคมตะวันตกทีย
่ ังไมุสมดุล เพราะรากฐานสังคม
และวัฒนธรรมเป็ นคนละแบบกับตะวันตก สังคมไทยจึงเป็ นสังคมทีม
่ ี
ความขัดแย้งในตัวเองส่ง ทำาให้ยากยิง่ ตุอการจัดการและพัฒนา
๒. เศรษฐกิจ ชุวงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหุงชาติแหุง
ชาติ ฉบับที ่ ๑ – ๗ การพัฒนาเศรษฐกิจเน้นโครงสร้างพืน
้ ฐาน
(Infrastructure) และบริบททางสังคมและกฎหมาย เพือ
่ สร้าง
บรรยากาศการลงทุนและเพิม
่ ผลผลิต เน้นภาคอุตสาหกรรมมากกวุา
เกษตรกรรม ถ้าเป็ นเกษตรกรรมก็เน้นการเพิม
่ ผลผลิตเกษตร
เชิงเดีย
่ ว ทำามาก ๆ จะได้ผลผลิตมาก ๆ การเมืองและราชการเป็ น
ผ้ช
่ ีน
้ ำาภาคการเกษตร โดยอาศัยหลักคิดการเกษตรแบบตะวันตก
ตัง้ แตุกระบวนการผลิตไปจนถึงกระบวนการการตลาดซึง่ ผ้่ชีน
้ ำาทัง้
หลายมักอายุสัน
้ (อยู่ในต่าแหน่งในช่วงสัน
้ ๆ เพราะความไม่มัน
่ คง
ทางการเมือง ราชการก็ตอบสนองนโยบายภาคการเมือง ซึง่ ก็อายุสัน

ตามไปด้วย เมือ
่ เกิดปั ญหาประชาชนจึงต้องเผชิญชะตากรรมไปตาม
ล่าพัง) เกิดการพัฒนาทีไ่ มุตุอเนือ
่ ง ประชาชนล้มลุกคลุกคลานตาม
ไปด้วย กระแสการพัฒนาเศรษฐกิจแบบชีน
้ ำา (จากบนลง
ลุาง – Top down) สุงผลให้ประชาชนอุอนแอ คือ คอยทำาตาม ไมุ
ต้องคิดเอง เพราะทำาตามได้รับการสนับสนุนสุงเสริม เมือ
่ เกิดปั ญหา
ก็เรียกร้องให้มาชุวยแก้ ประชาชนจะไมุคิดพึง่ ตนเอง (ข้อเท็จ จริง
คือ ทุกอย่างตัง้ แต่กระบวนการผลิตจนถึงกระบวนการการตลาด
ประชาชนไม่มีความรู้ ความเข้าใจ และไม่มีความสามารถในการ
จัดการ เพราะเป็ นเรือ
่ งใหม่ส่าหรับประชาชน และไม่มีการพัฒนา
ประชาชนให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการจัดการเรือ
่ ง
ดังกล่าว) ผลพวงการพัฒนาทุกวันนี ้ นอกจากยิง่ พัฒนาประชาชน (
ส่วนใหญ่) ยิง่ ยากจนแล้ว ยังทำาให้ชุมชนอุอนแออยุางทัว
่ ถึงด้วย เกิด
ชุองวุางระหวุางคนจน (คนส่วนใหญ่ของประเทศ) กับคนรวย (คน
ส่วนน้อยของประเทศ) มากยิง่ ขึน
้ แตุการประเมินรายได้ประชาชาติ
(GDP.) เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเจริญเติบโตส่งมาก (บางปี ค่า
GDP. สูงถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์) ในทางร่ปธรรมทีส
่ ังเกตได้ทัว
่ ไปคือ
ความเจริญทางด้านวัตถุ แทบไมุน้อยหน้าประเทศทีพ
่ ัฒนา
แล้ว ในชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๘ เป็ นชุวงของการปรับตัว
เพราะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ และเริม
่ เข้าใจทิศทางการพัฒนาทีม
่ ัน
่ คง
และยัง่ ยืนมากขึน
้ จึงหันมาเอา “คน” หรือ “ประชาชน” เป็ นเป้า
หมายของการพัฒนา แตุยังไมุสุงผลเป็ นร่ปธรรมใด ๆ ในชุวงนี ้
ประเทศชาติเหมือนคนปุ วยทีก
่ ำาลังรักษาเยียวยาประคับประคองให้มี
ชีวิตอยุ่รอดปลอดภัยตุอไป ในชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๙
ซึง่ เริม
่ มาได้ ๒ ปี เศษ ๆ คนไข้เริม
่ แข็งแรงขึน
้ แตุผลพวงยังต้องรอตุอ
ไป (การพัฒนาไม่ใช่การพลิกฝ่ ามือ โดยเฉพาะการพัฒนาคน ช่วง
๒๐ ปี แรกของวัยมนุษย์เป็ นวัยทีต
่ ้องเตรียมและพัฒนา ช่วง ๒๐ ปี ขึน

ไปถึง ๖๐ ปี เป็ นวัยทีต
่ ้องรับภาระประเทศชาติบ้านเมืองและสังคม
(แตุก็ต้องพัฒนาอยุางตุอเนือ
่ ง) หลัง ๖๐ ปี จึงเป็ นวัยของการพัก
ผ่อนและคอยก่ากับสังคม) ถ้าเดินตามแนวทางนีค
้ วามชัดเจนอยุาง
เร็วจะปรากฏผลในอีก ๑๐ – ๒๐ ปี ข้างหน้า
๓. สังคมในชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๑ – ๗ ในบทสุดท้ายชุวงแผน
๗ สรุปกันวุา “ประเทศไทยทันสมัยแตุไมุพัฒนา” กลุาวคือ เป็ น
สังคมทีม
่ ีความเจริญทางด้านวัตถุส่ง แตุทาง ด้านจิตใจไมุพัฒนา ที ่
เป็ นเชุนนัน
้ เพราะการละเลยการพัฒนาคน ในขณะทีค
่ วามเจริญทาง
ด้านวัตถุและเทคโนโลยีตลอดจนวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามาก การ
ศึกษา การศาสนา และวัฒนธรรมของเราปรับตัวไมุทัน เพราะไมุได้
รับการเอาใจใสุ และใช้เป็ นเครือ
่ งมือสำาคัญควบคุ่ไปกับการพัฒนา
เศรษฐกิจ (วัตถุ) ปรากฏการณ์ทางสังคมทีเ่ กิด ขึน
้ จึงมีปัญหา
มากมายและสลับซับซ้อนยิง่ ขึน
้ ตามกาลเวลา บางเรือ
่ งหนักหนา
สาหัสยากแกุการแก้ไข เชุน เรือ
่ งยาเสพติด แม้จะพยายามกันอยุาง
จริงจังรุวมมือกันทัว
่ ประเทศตัง้ แตุผ้่บริหารส่งสุดจนถึงประชาชนระดับ
รากหญ้า ก็ยังไมุสามารถทำาให้หมดสิน
้ ไปได้ การศึกษา การศาสนา
และวัฒนธรรม ก็ยังเป็ นปั ญหาอยุ่ การปฏิร่ปการศึกษา (จนถึง
พ.ศ. นี ้ – ๒๕๔๗) ยังล้มลุกคลุกคลาน ศาสนาตกแยกกันเป็ นฝั ก
ฝุ ายกลายเป็ นการเมืองในศาสนา หน้าทีห
่ ลักยังเป็ นทีพ
่ ึง่ ทีห
่ วังของ
สังคมไมุได้ วัฒนธรรมเริม
่ ส่ญเสียรากหญ้า เอกลักษณ์ ไมุนำามาเป็ น
ฐานของการพัฒนา คนรุุนใหมุไมุเห็นคุณคุาวัฒนธรรมและ
ภ่มิปัญญาไทย สิง่ ทีเ่ กิดขึน
้ เป็ นผลพวงของการพัฒนาประเทศในชุวงที ่
ผุานมาทัง้ สิน
้ ซึง่ ยังมีอีกมากมาย เรากำาลังปฏิร่ปกฎหมายเพือ
่ ใช้
เป็ นเครือ
่ งมือสำาคัญในการแก้ไขปั ญหาสังคม (มีการจัดระเบียบสังคม
ทุกรูปแบบ) กำาลังปฏิร่ปการศึกษาเพือ
่ ให้เกิดผลการพัฒนาอยุาง
ยัง่ ยืน (Sustainable Development) ในชุวงแผนพัฒนาฯ
ฉบับที ่ ๘ – ๙ เน้นการพัฒนาสังคมมากขึน
้ เป็ นร่ปธรรมมากขึน
้ เป็ น
ลำาดับ โดยเฉพาะรัฐบาล พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เอาจริงเอาจัง
กับการจัดระเบียบสังคม ความส่ญเสียทรัพยากรมนุษย์ทีจ
่ ะเกิดขึน

จากปั ญหาสังคม ไมุวุาจะเป็ นเรือ
่ งสุขภาพ อุบัติเหตุ การให้โอกาสแกุ
คนด้อยโอกาสในร่ปแบบตุาง ๆ ซึง่ ก็ต้องรอด่ผลกันตุอไปเชุนเดียวกัน
๔. การเมือง สภาพการเมืองชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๑ – ๗ มี
วิวัฒนาการช้ามาก กลุาวคือ รัฐบาลไมุคุอยมีความมัน
่ คง โดย
เฉพาะรัฐบาลทีผ
่ ้่นำาไมุได้มาจากทหาร และรัฐบาลก็ไมุคุอยมีอำานาจ
การบริหารจัดการอยุางแท้จริง ต้องคอยเอาใจกลุุมผลประโยชน์ที ่
สนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. ในสภา เป้า
หมายการบริหารจึงไมุได้อยุ่ทีผ
่ ลประโยชน์ของประชาชน แตุอยุ่ที ่
กลุุมผ้ส
่ นับสนุนรัฐบาล ประชาชนตกเป็ น เครือ
่ งมือสำาหรับอ้างความ
ชอบธรรม นักการเมืองยังเลุนบทบาทไมุสร้างสรรค์และจริง ใจตุอ
ประชาชน การทุจริตคอรัปชัน
่ ยังมีส่ง ทัง้ ฝุ ายการเมืองและฝุ าย
ราชการ ผลพวงการพัฒนาเกิดขึน
้ กับประชาชนอยุางแท้จริงน้อย
มาก แตุกลับเกิดในกลุุมนักการเมืองและกลุุมผลประโยชน์ทีส
่ นับสนุน
นักการเมืองส่งมาก สถาบันการเมืองการปกครอง ซึง่ เป็ นสถาบันซึง่
เปรียบเสมือนเป็ นผ้่บริหารจัดการ และผ้่นำาสังคม “เสียศ่นย์” เสียแล้ว
ก็ยากทีผ
่ ลการพัฒนาจะเป็ นประโยชน์ตุอประชาชนและประเทศชาติ
โดยรวม ตัง้ แตุแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๘ เป็ นต้นมา ตามเจตนารมณ์
ของรัฐธรรมน่ญ พ.ศ. ๒๕๔๐ (ฉบับทีใ่ ช้อยู่ในปั จจุบัน) ต้องการปฏิร่ป
ประเทศไทยทุกระบบ และสร้างความสมดุลในสังคม พัฒนาการ
ทางการเมืองคุอย ๆ พัฒนาขึน
้ เป็ นลำาดับ มีการคิดและแสดงบทบาท
เชิงสร้างสรรค์มากขึน
้ รัฐบาลมีความมัน
่ คงและมีอำานาจในการ
บริหารจัดการ แสดงภาวะผ้่นำาได้มากขึน
้ เป็ นนิมิตหมายทีด
่ ีตุอ
พัฒนาการทางการเมืองของไทย แม้จะยังติดขัดเนือ
่ งจากเป็ นระยะ
เริม
่ แรกของการปฏิร่ปการเมือง ก็ยังคาดหวังได้วุาจะมีพัฒนาการทีด
่ ี
ยิง่ ขึน
้ ตุอไป
๕. สิง่ แวดล้อมความเข้าใจของคนสุวนใหญุ เข้าใจวุาสิง่ แวดล้อมเป็ น
เรือ
่ งไกลตัว ทัง้ ๆ ทีเ่ ป็ นเรือ
่ งใกล้ตัวและเกีย
่ วข้องกับชีวิตประจำาวัน
ของผ้่คน เชุนเดียวกับเรือ
่ งใกล้ตัวอืน
่ ๆ อากาศไมุดีเป็ นผลเสีย
ตุอสุขภาพ ปล่กพืชผักไมุได้ผล หรือได้ผลแตุไมุดี อากาศวิปริตฝน
ฟ้าไมุตกต้องตามฤด่กาล ไมุเพียงแตุมีผลตุอพืชพันธ์ุธัญญาหาร ยังมี
ผลตุอแบบแผนการดำาเนินชีวิตของผ้่คนในสังคมด้วย หลายพืน
้ ทีม
่ ี
ปั ญหาเรือ
่ งขยะ นำา
้ เสีย นำา
้ ทุวม ฝนแล้ง เสียงรบกวน ฝุ ุนละออง
ทัง้ หมดนีไ้ มุใชุเรือ
่ งไกลตัวเลย เพราะความทีเ่ ข้าใจวุาเป็ นเรือ
่ งไกลตัว
จึงให้ความสำาคัญน้อย ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหุง ชาติ
ก็พึง่ บรรจุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๐ – ๒๕๒๔) แตุ
ผลการดำาเนินงานไมุเห็นเป็ นร่ปธรรม แม้จะเริม
่ เห็นความสำาคัญของ
สิง่ แวดล้อมจนบรรจุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๔ แตุก็ยังมีการทำาลาย
สิง่ แวดล้อมกันอยุางตุอเนือ
่ ง โดยเฉพาะปุ าไม้ จนมี พ.ร.บ.ปิ ดปุ า
เมือ
่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ การพัฒนาทีย
่ ัง่ ยืนจะต้องไมุทำาลายสิง่ แวดล้อม
การพัฒนาทีผ
่ ุานมายังไมุได้เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาสิง่ แวดล้อม
ประชาชนจึงได้รับผลกระทบโดยไมุร้่ตัว เมือ
่ ร้่ตัวก็ต้องใช้เวลานาน
กวุาสิง่ แวดล้อมจะกลับสุ่ภาวะทีส
่ มดุล
หลักคิดในการพัฒนาชุมชน
๑. การปรับตัวในปั จจุบัน
ในความเป็ นจริงของชีวิตไมุวุาเราจะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ (พ.ศ.
๒๕๔๐) หรือไมุก็ตาม เราต้องปรับตัวอยุ่เสมอ ชีวิตจึงจะดำารงอยุ่ได้
และดำารงอยุ่อยุางมีความสุข สภาพสังคมโลกเปลีย
่ นแปลงเร็ว
เพราะความเจริญก้าว หน้าทางเทคโนโลยี สภาพสังคมไทยก็ปรับตัว
และเปลีย
่ นแปลงเร็วตามไปด้วย เราไมุปรับตัวเองก็ไมุได้แล้ว จะอยุ่
ลำาบาก กับสภาพสังคมไทยในปั จจุบันเราจะปรับตัวเองกันอยุางไร
บ้าง
๑.๑ ผ้่จัดการชุมชนหรือสังคม หมายถึง ภาคการเมืองการ
ปกครองซึง่ เป็ นผ้่นำาสังคม ภาคราชการ องค์กรตุาง ๆ จะคิดเหมือน
เดิมและจะทำาอยุางเดิมตุอไปอีกไมุได้ กลุาวคือ ภาค
การเมืองการปกครอง ต้องคิดในเชิงสร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพ ขีด
ความสามารถ มีความจริงใจ ซือ
่ สัตย์สุจริต โดยเอาผลประโยชน์ของ
สุวนรวมเป็ นทีต
่ ัง้ ด่ประชาชนให้ออก และร้่จักรับฟั ง
ประชาชน ภาคราชการ จะต้องปรับเปลีย
่ นโครงสร้างจาก
แนวตัง้ (Vertical) มาเป็ นโครง สร้างแบบแนวนอนหรือแนวราบ
(Horizontal) เพราะโครงสร้างแนวตัง้ ไมุทันกับงานและสังคมทีซ
่ ับซ้อน
ในปั จจุบัน จะต้องเปลีย
่ นจากระบบรวมศ่นย์อำานาจ (Centralization)
เพราะรวมศ่นย์อำานาจทำาให้การตัดสินใจช้าและหุางไกลข้อม่ลข้อเท็จ
จริง และจะต้องเปลีย
่ นจากการสัง่ การ คิดแทนประชาชน มาเป็ นการ
สุงเสริม สนับสนุน และรับฟั งความคิดเห็นของประชาชน ให้โอกาส
ประชาชนได้เรียนร้่และพัฒนาตนเอง ราชการควรทำาหน้าทีเ่ ป็ นผ้่
อำานวยการ (Facilitator) ให้ประชาชนเป็ นผ้่แสดง (Actor)
องค์กรตุาง ๆ ก็ควรจะเลุนบทเดียวกันกับราชการ และจัดโครงสร้าง
ในลักษณะอยุางเดียวกัน
๑.๒ บริบทอันหลากหลาย เชุน ระบบเศรษฐกิจ การศึกษา
การขนสุง การสือ
่ สาร การสาธารณสุข และสวัสดิการสังคม เป็ นต้น
นอกจากต้องมีความเสมอภาคทัว
่ ถึง และเทุาเทียม ในเรือ
่ งของ
โอกาสแล้ว ต้องมีคุณภาพด้วย ระบบเศรษฐกิจ ควรเป็ น
เศรษฐกิจแบบพึง่ ตนเอง บนรากฐานศักยภาพแตุละชุมชน ผลิตเพือ

บริโภคเองเป็ นหลัก เหลือจึงจำาหนุายจุายแจก การศึกษา
เน้นคุณภาพ คิดเป็ น มีทักษะปฏิบต
ั ิได้จริง ทัง้ ทักษะอาชีพและทักษะ
ชีวิต มีจิตวิญญาณของการเรียนร้่และพัฒนาตนเองตลอดชีวิต และมี
ความเสมอภาค มีความเทุาเทียมในโอกาส การขนส่ง ทุก
ชุมชนมีโอกาสเข้าถึง สะดวก รวดเร็ว ราคาถ่ก เพียงพอ เน้นระบบ
ขนสุงมวลชน เพือ
่ ลดความส่ญเสียและฟุ ุมเฟื อยโดยใชุเหตุ
การสือ
่ สาร ซึง่ ไมุเพียงการสือ
่ สารสุวนบุคคลเทุานัน
้ การสือ
่ สาร
มวลชน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทัง้ หลาย ไมุเพียงเป็ นแคุสือ
่ ทีท
่ ัว

ถึง ควรให้ความสำาคัญกับคุณธรรม จริยธรรมของสือ
่ มุุงยกระดับ
คุณภาพประชาชนด้วย การสาธารณสุข ทีเ่ น้นการป้องกัน
และสร้างสุขภาพ นำาการซุอมสุขภาพ มีการบริการทีส
่ ะดวก รวดเร็ว
และมีคุณภาพ สวัสดิการสังคม มีการกระจายร่ปแบบให้
หลากหลายมากขึน
้ ไมุใชุเพียงเรือ
่ งของการเจ็บปุ วย เรือ
่ งการประกัน
ชีวิตการประกันภัย เรือ
่ งการฌาปนกิจ หรืออืน
่ ใดทีม
่ ีอยุ่ในสังคมไทย
ขณะนีเ้ ทุานัน
้ อาจมีร่ปแบบใหมุทีจ
่ ่งใจให้คนประพฤติดีทำาคุณ
ประโยชน์ให้แกุสังคมและประเทศชาติ เป็ นต้น นอกจากนี ้
บทบาทหน้าทีข
่ องสถาบันศาสนาควรจริงจัง เข้มข้น และเป็ นเชิงรุก
มากกวุาทีเ่ ป็ นอยุ่ในเวลานี ้ มุุงสัง่ สอนปล่กฝั งคุานิยมทีเ่ หมาะสม
คุณธรรม จริยธรรม เป็ นหลักมากกวุาให้ความสำาคัญกับเรือ
่ ง
พิธีกรรม
๑.๓ เนือ
้ หาของชุมชนหรือสังคม หลัก ๆ ของเรือ
่ งนี ้ คือ
วัฒนธรรม ศักยภาพ ของชุมชนหรือสังคม และสิง่ ทีส
่ ร้างหรือเพิม

เข้าไปให้เป็ นชีวิตในชุมชนหรือสังคม หรือวัฒนธรรมใหมุ ศักยภาพ
ใหมุ จะต้องปรับและพัฒนาให้ทันกับการเปลีย
่ นแปลงของสังคมโลก
ในร่ปแบบทีก
่ ลมกลืนเป็ นเอกลักษณ์ของตนเอง ไมุใชุลักษณะการทิง้
ของเกุาเอาของใหมุ ต้องปรับเนือ
้ หาใหมุให้เข้ากับเนือ
้ หา
เดิม
๑.๔ ประชาชนและชุมชน เวลานีป
้ ระชาชนและชุมชนก็ต้อง
ปรับตัวเองด้วย และเป็ นโอกาสทีจ
่ ะปรับตัวเองได้ เพราะทุกฝุ ายเริม

เห็นความสำาคัญและพุุงเป้าการพัฒนาไปทีป
่ ระชาชนและชุมชน อะไร
บ้างทีป
่ ระชาชนและชุมชนจะต้องปรับตัว
๑.๔.๑ การเรียนรู้ นอกจากการเรียนร้่บทเรียนในอดีต
แล้ว ประชาชนและชุมชนต้องเรียนร้่ทีจ
่ ะพัฒนาตนเอง คือ จะต้อง
เพิม
่ ทักษะและความสามารถให้ตนเอง โดยเฉพาะทักษะและความ
สามารถในอาชีพ ขณะนี ้ ภาคราชการ องค์กรและหนุวยงานตุาง ๆ
ก็กำาลังสุงเสริมสนับสนุนชุวยเหลืออยุ่ ถ้านิง่ เฉยโอกาสจะผุานเลยไป
ผ้ท
่ ีอ
่ ยุ่ในวัยศึกษาหาความร้่ยิง่ จำาเป็ นจะต้องฉกฉวยโอกาสให้มาก

๑.๔.๒ ทัศนคติและค่านิยม มีทศ


ั นคติและคุานิยมหลาย
อยุางทีป
่ ระชาชนและชุมชนจะต้องปรับเปลีย
่ นในเวลานี ้ เชุน ทัศนคติ
และคุานิยมเรือ
่ งอาชีพ ทีค
่ ิดวุาอาชีพเกษตรกรเป็ นอาชีพทีไ่ มุมีเกียรติ
อาชีพบริการเป็ นอาชีพทีต
่ ำ่าต้อย เป็ นต้น ต้องเป็ นข้าราชการ ต้อง
ทำางานธุรกิจ จึงจะมีเกียรติ มีหน้ามีตาในสังคม ต้องเข้าใจใหมุ
อาชีพทุกอาชีพทีส
่ ุจริต มีเกียรติด้วยกันทัง้ นัน
้ ถ้าพัฒนาให้เจริญ
ก้าวหน้าให้มากขึน
้ และมากขึน
้ ความสำาเร็จในอาชีพนัน
่ แหละ คือ
เกียรติยศทีผ
่ ้่คนในสังคมจะยกยุอง ความสำาคัญไมุใชุอยุ่ทีอ
่ าชีพ แตุ
อยุ่ทีผ
่ ลสำาเร็จของการพัฒนาอาชีพ
๑.๔.๓ ความคิดพึง่ ตนเองเป็ นหลัก ไมุวุาเป้าหมายจะเป็ น
อยุางไร การคิดพึง่ คนอืน
่ มากกวุาตนเองเป็ นความล้มเหลวตัง้ แตุแรก
ชุมชนอุอนแอและประชาชนยากจน เต็มไปด้วยปั ญหาชีวิต ก็เพราะ
ความคิดแบบนี ้ ลองพิจารณากรณีวัดในชุมชนเป็ นตัวอยุาง ไมุวุาจะ
สร้างจะทำาอะไร กรมการศาสนาไมุมาสร้างให้ ไมุบอกให้พัฒนาหรือ
ทำาอะไร ชุมชนคิดเอง ทำาเอง ทัง้ สิน
้ และก็ทำาได้ เจริญก้าวหน้าไป
ตามกำาลังความสามารถของแตุละชุมชน เป็ นลำาดับ บางวัดพระผิด
เพีย
้ นออกนอกรีต ชุมชนก็เข้ามาจัดการกันเอง และวัดก็อยุ่คุ่สังคม
ไทยมาจนทุกวันนี ้
๑.๔.๔ เป้าหมายชีวิตหรือเป้าหมายชุมชน สังคมพัฒนา
แล้ว การมีสุขภาพทีด
่ ีเป็ นเป้าหมายส่งสุด สังคมด้อยพัฒนายังวัดกัน
ด้วยอำานาจ ความรำ่ารวย และเกียรติยศ สำาหรับชุมชนเป้าหมาย
ส่งสุด คือ ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนและชุมชนต้องปรับเปลีย
่ นเป้ า
หมายชีวิตให้ถ่กทิศทาง
๑.๔.๕ การจัดการ จะต้องมองตนเอง (ทัง้ ประชาชนและ
ชุมชน) ในเชิง บ่รณาการทัง้ หมด (Holistic) และมองให้ครบถ้วน
มนุษย์มีความสัมพันธ์ทัง้ รุางกายและจิตใจ อวัยวะทุกสุวนถ้าเกิดเหตุที ่
ใดก็จะกระทบทัง้ หมด และมนุษย์เป็ นสุวนหนึง่ ของสังคม เกีย
่ วข้อง
สัมพันธ์กันทัง้ ระบบจะแยกสุวนใดสุวนหนึง่ ไมุได้ เกิดเหตุทีส
่ ุวนใดก็
กระทบกระเทือนกันทัง้ ระบบ การจัดการจึงต้องจัดการให้ดีทุกภาค
สุวนและทุกระบบ และประชาชนหรือชุมชนจะต้องจัดการด้วย
ตนเองเป็ นหลัก ไมุติดความคิดพึง่ พิงดัง กลุาวมาแล้ว
๒. หลักคิดในอนาคต หลักคิดในอนาคตนีส
้ ำาหรับทุกฝุ ายและ
ทุกภาคสุวน กลุาวคือ
๒.๑ เป้าหมายของการพัฒนา ต้องถือเอาประชาชนเป็ น
ศ่นย์กลางหรือเป็ นตัวตัง้ ในการพัฒนาเป็ นองค์รวมอยุางสมดุลและ
พัฒนาอยุางตุอเนือ
่ ง มนุษย์เป็ นหลักของชุมชน สังคม และ ประเทศ
ชาติ มนุษย์จะเป็ นผ้่สร้างสรรค์และพัฒนาชุมชน สังคม และ
ประเทศชาติตุอ เนือ
่ งตุอไป มนุษย์อุอนแอ ชุมชน สังคม ประเทศ
ชาติ ก็อุอนแอ มนุษย์เข้มเข็ง ชุมชน สังคม ประเทศชาติ ก็เข้ม
แข็ง มนุษย์เป็ นอยุางไร ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ก็เป็ นอยุาง
นัน

๒.๒ ในระดับหนุวยทางสังคมทีก
่ ว้างขึน
้ ต้องถือเอาชุมชน
เป็ นเป้าหมายของการพัฒนา และทำาให้จุดเริม
่ ต้นของการพัฒนา “ร
ะเบิดจากข้างใน” ตามพระราชดำารัสของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยุ่หัว การระเบิดจากข้างในเป็ นความต้องการของสมาชิกใน
ชุมชน มันจะมีจิตวิญญาณของความมุุงมัน
่ รุวมไม้รุวมมือสานตุอจน
สำาเร็จลุลุวง และ ยัง่ ยืนตุอไป มันเป็ นพลังอยุางทีช
่ าวจีนเปรียบเปรย
วุาเป็ น “กำาลังภายใน” พลังทีร
่ ุนแรงตุอเนือ
่ งไมุขาดสายเหนือพลัง
ธรรมดา คือ ออกมาจาก “ใจ” ไมุใชุเพียงออกมาจาก “กาย”
เทุานัน
้ และฐานของการพัฒนาก็คือศักยภาพทีม
่ ีอยุ่ในชุมชนนัน
่ เอง
เป็ นหลัก ลองจินตนาการวุา “ถ้าทุกชุมชนเหมือนดอกไม้ในทุุง
ประเทศไทย ถ้าดอกไม้ทุกดอกเบุงบานสดสวยทัว
่ ทุุงประเทศไทย
สังคมไทยเราจะเป็ นอยุางไร” นอกจากนีก
้ ารเอาชุมชนเป็ นฐานหรือ
เป็ นเป้าหมายการพัฒนา จะไมุเกิดปรากฏการณ์ “กระจุก” ของผ้่คน
ณ เมืองใดเมืองหนึง่ จะลดทอนปั ญหาทีเ่ กิดจากการกระจุกตัวของ
ผ้่คนอีกมากมาย แตุจะเกิดปรากฏการณ์ “กระจาย” ความเจริญของ
บ้านเมืองแทน
๒.๓ กระบวนการทำางานในชุมชน ยึดหลัก “กระบวนการมี
สุวนรุวม” (Participation) ระดับของการมีสุวนรุวม มีดังนี ้
๑. Manipulation - การมีสุวนรุวมแบบมีผ้่
กำากับอยุ่เบือ
้ งหลัง (ไมุมีอิสระ)
๒. Consultation - การมีสุวนรุวมแบบปรึกษา
หารือ
๓. Consensus Building - การมีสุวนรุวมเพือ
่ ให้การ
รับรอง
๔. Decision Making - การมีสุวนรุวมเพือ
่ การ
ตัดสินใจ
๕. Risk Sharing - การมีสุวนรุวมทีต
่ ้องรับผิด
ชอบในผลของการตัดสินใจ
๖. Partnerships - การมีสุวนรุวมแบบคนที ่
เทุาเทียมกัน
๗. Self Reliance - การมีสุวนรุวมทีป
่ ระชาชน
พึง่ พาตนเอง
ในระดับที ่ ๑ จะเป็ นการมีสุวนรุวมทีน
่ ้อยทีส
่ ุด และเรียงลำาดับไปหา
มากทีส
่ ุด คือ ระดับที ่ ๗ ยิง่ สมาชิกในชุมชนมีสุวนรุวมมากเทุาไร
การทำางาน ก็จะยิง่ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึน

เทุานัน

๒.๔ การทำางานเป็ นทีมทุกภาคสุวน (Team Work) ในอดีต
เราเชือ
่ การทำางานแบบ “อัศวินขีม
่ ้าขาว” ในยุคทีส
่ ังคมไมุซับซ้อน
ผ้่คนยังด้อยความร้่ ความคิด และความสามารถ “อัศวินขีม
่ ้าขาว”
ยุอมเป็ นทางเลือกทีด
่ ีสำาหรับคนสมัยนัน
้ แตุในยุคทีส
่ ังคมซับซ้อน
มากขึน
้ ผ้ค
่ นมีความร้่ ความคิด และความสามารถมากขึน
้ “อัศวินขี ่
ม้าขาว” ยุอมไมุได้ผล เพราะจะไมุมี “อัศวิน” ทีแ
่ ท้จริง มนุษย์มีข้อ
จำากัด ไมุมีใครเกุงไปทุกเรือ
่ ง และไมุมีใครทำางานคนเดียวได้โดย
เฉพาะในภาวะทีซ
่ ับซ้อน ยิง่ ซับซ้อนมากก็ยิง่ เป็ นไปไมุได้ที ่ “ข้าจะมา
คนเดียว และเกุงคนเดียว” ทางเลือกจึงต้องมีทีมทำางาน (Team
Work) คือ รวบรวมความเกุงและโดดเดุนของแตุละคน หลาย ๆ คน
เกุงคนละด้านคนละอยุางจะทำาให้มีพลังในการทำางาน ทีมทำางานจึง
ต้องเป็ นร่ปแบบการทำางานในอนาคต ยิง่ สร้างทีมในฝั นได้ (Dream
Team) ยิง่ จะเป็ นผลดีมาก
๒.๕ การทำางานทีเ่ ป็ นพหุภาคีอยุางบ่รณาการและเป็ นเครือ
ขุาย คือ ต้องทำางานรุวมกันในหลายภาคสุวน และเป็ นแบบ
บ่รณาการ ทัง้ ในแตุละภาคสุวนและในพหุภาคี จริงอยุ่เป็ นการทำางาน
ทีย
่ ากเพราะมีความซับซ้อน จึงต้องอาศัยทีมงาน (Team Work) ดังที ่
กลุาวแล้วในหัวข้อกุอน การประสานงานจึงมีความสำาคัญมากในการ
ทำางานเป็ นทีม ซึง่ ปั จจุบันก็มีเทคโนโลยีซึง่ เอือ
้ ให้สามารถทำางานเป็ น
ทีมได้อยุางดี นอกจากนีก
้ ็ต้องสร้างความเป็ นเครือขุายให้เกิดขึน
้ ให้
เป็ นโครงสร้างทีส
่ ำาคัญในอนาคต
บทสรุป ทีก
่ ลุาวมาทัง้ หมด เพือ
่ เสนอแนวคิด โดยเริม
่ ต้นจากการ
ทำาความเข้าใจ ประเด็นทัง้ หลายให้ตรงกันกุอน เชุน ความหมาย
ของ “ชุมชน” “การพัฒนา” และ “การพัฒนาชุมชน” เรือ
่ ยมาจนถึง
การประเมินผลการพัฒนาในรอบเกือบ ๕๐ ปี ทีผ
่ ุานมา หลังจาก
นัน
้ จึงเป็ นข้อเสนอ แนวคิด หลักการตุาง ๆ ในการพัฒนาชุมชน
ควรจะใช้เป็ นหลักและเป็ นประโยชน์ตุอการพัฒนาชุมชนหรือประยุกต์
ใช้กับการพัฒนาเรือ
่ งอืน
่ ๆ ได้ตามสมควร ในโอกาสตุอ
ไป.
http://www.franchisecb.com/index.php?type=content&c_id=1320&ct_id=27872

You might also like