Professional Documents
Culture Documents
ผศ.ธนากร สังเขป
ประธานโปรแกรมวิชาการพัฒนาฃุมชน
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มรลป.
ความสำาคัญของการพัฒนาชุมชน
เป้ าหมายของการพัฒนาชุมชน คือ “คน” ซึง่ เป็ นกลุุมอันหลากหลาย
กระจัดกระจายอยุ่ทัว
่ ประเทศ เป็ นหมุ่บ้าน เป็ นชุมชนเมือง เป้นกลุุม
อาชีพ เป็ นกลุุมกิจกรรม ฯลฯ กลุุมตุาง ๆ เหลุานีเ้ ป็ นรากฐาน
สำาคัญของประเทศ เราเห็นพ้องกันวุาการพัฒนาคน เป็ นแนวทาง
การพัฒนาประเทศทีถ
่ ่กต้อง การพัฒนาคนจึงเป็ นเป้าหมายของ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐ –
๒๕๔๔) และตุอใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่
๙(พ.ศ. ๒๕๔๕ – ๒๕๔๙) รากฐานของประเทศดีขึน
้ เจริญขึน
้ ในทุก
ๆ ด้าน ประเทศชาติก็ดีขึน
้ เจริญขึน
้ เป็ นสังคมพัฒนา สังคม
พัฒนาดี สมาชิกในสังคมยุอมได้รับผลพวงของการพัฒนา ทุกอยุาง
มันเกีย
่ วข้องสัมพันธ์กัน การเล็งเป้าการพัฒนาไปทีค
่ น ก็คือการเล็ง
เป้ าไปทีช
่ ุมชน จึงเป็ นภารกิจของทุกคนทีเ่ กีย
่ วข้อง ทีจ
่ ะต้องรุวมมือ
กันพัฒนาอยุางจริงจัง รวมทัง้ ต้องพัฒนาคนเองด้วย เหมือนตนเอง
เป็ นชุมชนหนึง่ องค์กรทัง้ หลายก็ต้องพัฒนาตนเองเชุนเดียวกัน
เพราะองค์กรก็มีความเป็ นชุมชนด้วย ถ้าเราจินตนาการวุาคนเหมือน
เซล (cell) ของประเทศ (รุางกาย) เซลทุกเซลได้รับการเอาใจใสุ
ด่แลให้ดี ทำาให้พัฒนา ประเทศชาติหรือสังคมไทยเราจะเป็ นอยุางไร
ลองจินตนาการตุอไป เพราะฉะนัน
้ เป้าหมายของประเทศ หรือ
สังคม จึงต้องพัฒนาคนหรือชุมชน
หลักคิดการพัฒนาในอดีต
จะขอย้อนทบทวนหลักคิดของการพัฒนาในอดีต ตัง้ แตุมีแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแหุงชาติ ฉบับที ่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔) เป็ นต้นมา เพือ
่
ให้เห็นภาพเส้นทางการพัฒนาประเทศไทยในชุวงเกือบ ๕ ทศวรรษที ่
ผุานมา วุา เราหลงทิศหลงทางกันอยุางไรหรือไมุ เราใช้เวลานานพอ
สมควร ผลลัพธ์คุ้มคุากับเวลาทีเ่ สียไปหรือไมุเพียงไร
แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที ่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๐๔ – ๒๕๐๙) ในชือ
่
แผนมีเฉพาะคำาวุา “เศรษฐกิจ” ไมุมีคำาวุา “สังคม” เพราะแผนมุุงเน้น
การพัฒนาเฉพาะเศรษฐกิจ เป็ นยุคสมัย “นำา
้ ไหล ไฟสวุาง ทางดี มี
งานทำา” แตุก็ไมุประสบความสำาเร็จเทุาทีค
่ วร
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๐
– ๒๕๑๔) เพิม
่ คำาวุา “สังคม” ไว้ในแผน เพราะเห็นวุาในแผนพัฒนาฯ
ฉบับที ่ ๑ ได้ละเลยเรือ
่ งสังคม ทำาให้สังคมมีปัญหา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๑๕
– ๒๕๑๙) เป็ นการพัฒนาตุอเนือ
่ งจากแผนที ่ ๒ ผลการพัฒนาเริม
่ มี
ปั ญหาเรือ
่ งสิง่ แวดล้อมและการทำาลายทรัพยากรธรรมชาติ (ใช้
ทรัพยากรธรรมชาติเพือ
่ การพัฒนาทีไ่ มุคุ้มคุา)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๐
– ๒๕๒๔) หันมาให้ความสำาคัญกับเรือ
่ งสิง่ แวดล้อมและ
ทรัพยากรธรรมชาติ แตุในทางปฏิบัติยังไมุบังเกิดผล
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕
– ๒๕๒๙) เป็ นแผนตุอเนือ
่ งจากแผนที ่ ๔ เพือ
่ ให้ภาคปฏิบัติบรรลุเป้ า
หมาย
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๐
– ๒๕๓๔) เป็ นแผนขยายผลแผนที ่ ๕ ในทางปฏิบัติ เน้นการพัฒนา
เศรษฐกิจมาก ละเลยเรือ
่ งของสังคม ปั ญหาสังคมเริม
่ สุงผลรุนแรง
และสลับซับซ้อนมากขึน
้ ด้านสิง่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ก็
มีการทำาลายสิง่ แวดล้อมและใช้ทรัพยากรธรรมชาติไมุคุ้มคุามากขึน
้ (
ข้อมูลป่ าไม้เมือ
่ ปี พ.ศ.๒๕๓๒ พืน
้ ทีป
่ ่ าของไทยซึง่ มีอยู่ ๑๐๙.๕ ล้าน
ไร่ หรือร้อยละ ๓๔ ของพืน
้ ทีป
่ ระเทศไทยทัง้ หมด เหลือไม่ถึง ๙๐
ล้านไร่ หรือไม่ถึงร้อยละ ๒๘ ของพืน
้ ทีท
่ ัง้ หมด)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๗ (พ.ศ.
๒๕๓๕ – ๒๕๓๙) ได้ปรับแผนโดยเน้นให้เกิดความสมดุลในทุกด้าน
และยึดหลักการพัฒนาแบบยัง่ ยืน แตุในทางปฏิบัติไมุบรรลุ
วัตถุประสงค์ และเกิดภาวะ “ทันสมัยแตุไมุพัฒนา” (มีความเจริญ
ทางด้านวัตถุแต่ด้านจิตใจตกต่่า)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๐
– ๒๕๔๔) เป็ นแผนเน้นการพัฒนา “คน” แตุในทางปฏิบัติต้องเผชิญ
กับวิกฤติเศรษฐกิจ (รัฐบาลในสมัยนัน
้ – รัฐบาลของ พลเอกชวลิต
ยงใจยุทธ ประกาศลดค่าเงินบาทเมือ
่ วันที ่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๐ และ
เปลีย
่ นตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหลายครัง้ เพือ
่ แก้ไข
ปั ญหาวิกฤติเศรษฐกิจ)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที ่ ๙ (พ.ศ.
๒๕๔๕ – ๒๕๔๙) เป็ นแผนตุอเนือ
่ งจากแผน ๘ เน้นการปฏิร่ปทุก
ระบบ พลิกวิกฤติเป็ นโอกาส เน้นชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก ขณะ
นีเ้ ข้าสุ่ปีที ่ ๓ ต้องรอประเมินผลเมือ
่ สิน
้ สุดแผนวุาผลการพัฒนาจะ
เป็ นอยุางไร ในขณะนีจ
้ ะเห็นการปฏิร่ปหลาย ๆ ระบบ เชุน
การเมือง ราชการ เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย สุขภาพ การศึกษา
ทัง้ หมดเป้าหมายอยุ่ทีค
่ น และเพือ
่ คน
ผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) ของการพัฒนาในอดีต
๑. คน หรือประชาชน ชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๑ – ๗
เป็ นเวลากวุา ๓๐ ปี ทีม
่ ุงพัฒนาเศรษฐกิจ แม้จะให้ความสำาคัญทาง
ด้านสังคม สิง่ แวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติในชุวงหลัง ๆ
แตุจุดเน้นในทางปฏิบัติก็ให้ความสำาคัญตุอการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำาให้
มีผลตุอพฤติกรรม และคุานิยมของประชาชน กลุาวคือ มีพฤติกรรม
เลียนแบบตะวันตก ทอด ทิง้ เอกลักษณ์ทีด
่ ีงามของไทยหลายอยุาง
และมีคุานิยมให้ความสำาคัญกับวัตถุมากกวุาจิตใจ นีค
่ ือผลผลิตที ่
เป็ นคนหรือประชาชน และปั จจุบันคนเหลุานีก
้ ำาลังอยุ่ในวัยทีเ่ ป็ นหลัก
รับผิดชอบตุอสังคมสุวนใหญุอยุ่ เป็ นวัยทีถ
่ ุายทอดหลักคิด (ซึง่ ส่งผล
ต่อพฤติกรรม) และคุานิยมแกุคนรุุนตุอไป สิง่ ทีจ
่ ะเกิดขึน
้ ตุอสังคม
ไทยตุอมา (Outcome) คือ สังคมไทยกลายเป็ นสังคมตะวันตกมากขึน
้
ทุกวัน และยังเป็ นสังคมตะวันตกทีย
่ ังไมุสมดุล เพราะรากฐานสังคม
และวัฒนธรรมเป็ นคนละแบบกับตะวันตก สังคมไทยจึงเป็ นสังคมทีม
่ ี
ความขัดแย้งในตัวเองส่ง ทำาให้ยากยิง่ ตุอการจัดการและพัฒนา
๒. เศรษฐกิจ ชุวงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหุงชาติแหุง
ชาติ ฉบับที ่ ๑ – ๗ การพัฒนาเศรษฐกิจเน้นโครงสร้างพืน
้ ฐาน
(Infrastructure) และบริบททางสังคมและกฎหมาย เพือ
่ สร้าง
บรรยากาศการลงทุนและเพิม
่ ผลผลิต เน้นภาคอุตสาหกรรมมากกวุา
เกษตรกรรม ถ้าเป็ นเกษตรกรรมก็เน้นการเพิม
่ ผลผลิตเกษตร
เชิงเดีย
่ ว ทำามาก ๆ จะได้ผลผลิตมาก ๆ การเมืองและราชการเป็ น
ผ้ช
่ ีน
้ ำาภาคการเกษตร โดยอาศัยหลักคิดการเกษตรแบบตะวันตก
ตัง้ แตุกระบวนการผลิตไปจนถึงกระบวนการการตลาดซึง่ ผ้่ชีน
้ ำาทัง้
หลายมักอายุสัน
้ (อยู่ในต่าแหน่งในช่วงสัน
้ ๆ เพราะความไม่มัน
่ คง
ทางการเมือง ราชการก็ตอบสนองนโยบายภาคการเมือง ซึง่ ก็อายุสัน
้
ตามไปด้วย เมือ
่ เกิดปั ญหาประชาชนจึงต้องเผชิญชะตากรรมไปตาม
ล่าพัง) เกิดการพัฒนาทีไ่ มุตุอเนือ
่ ง ประชาชนล้มลุกคลุกคลานตาม
ไปด้วย กระแสการพัฒนาเศรษฐกิจแบบชีน
้ ำา (จากบนลง
ลุาง – Top down) สุงผลให้ประชาชนอุอนแอ คือ คอยทำาตาม ไมุ
ต้องคิดเอง เพราะทำาตามได้รับการสนับสนุนสุงเสริม เมือ
่ เกิดปั ญหา
ก็เรียกร้องให้มาชุวยแก้ ประชาชนจะไมุคิดพึง่ ตนเอง (ข้อเท็จ จริง
คือ ทุกอย่างตัง้ แต่กระบวนการผลิตจนถึงกระบวนการการตลาด
ประชาชนไม่มีความรู้ ความเข้าใจ และไม่มีความสามารถในการ
จัดการ เพราะเป็ นเรือ
่ งใหม่ส่าหรับประชาชน และไม่มีการพัฒนา
ประชาชนให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการจัดการเรือ
่ ง
ดังกล่าว) ผลพวงการพัฒนาทุกวันนี ้ นอกจากยิง่ พัฒนาประชาชน (
ส่วนใหญ่) ยิง่ ยากจนแล้ว ยังทำาให้ชุมชนอุอนแออยุางทัว
่ ถึงด้วย เกิด
ชุองวุางระหวุางคนจน (คนส่วนใหญ่ของประเทศ) กับคนรวย (คน
ส่วนน้อยของประเทศ) มากยิง่ ขึน
้ แตุการประเมินรายได้ประชาชาติ
(GDP.) เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเจริญเติบโตส่งมาก (บางปี ค่า
GDP. สูงถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์) ในทางร่ปธรรมทีส
่ ังเกตได้ทัว
่ ไปคือ
ความเจริญทางด้านวัตถุ แทบไมุน้อยหน้าประเทศทีพ
่ ัฒนา
แล้ว ในชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๘ เป็ นชุวงของการปรับตัว
เพราะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ และเริม
่ เข้าใจทิศทางการพัฒนาทีม
่ ัน
่ คง
และยัง่ ยืนมากขึน
้ จึงหันมาเอา “คน” หรือ “ประชาชน” เป็ นเป้า
หมายของการพัฒนา แตุยังไมุสุงผลเป็ นร่ปธรรมใด ๆ ในชุวงนี ้
ประเทศชาติเหมือนคนปุ วยทีก
่ ำาลังรักษาเยียวยาประคับประคองให้มี
ชีวิตอยุ่รอดปลอดภัยตุอไป ในชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๙
ซึง่ เริม
่ มาได้ ๒ ปี เศษ ๆ คนไข้เริม
่ แข็งแรงขึน
้ แตุผลพวงยังต้องรอตุอ
ไป (การพัฒนาไม่ใช่การพลิกฝ่ ามือ โดยเฉพาะการพัฒนาคน ช่วง
๒๐ ปี แรกของวัยมนุษย์เป็ นวัยทีต
่ ้องเตรียมและพัฒนา ช่วง ๒๐ ปี ขึน
้
ไปถึง ๖๐ ปี เป็ นวัยทีต
่ ้องรับภาระประเทศชาติบ้านเมืองและสังคม
(แตุก็ต้องพัฒนาอยุางตุอเนือ
่ ง) หลัง ๖๐ ปี จึงเป็ นวัยของการพัก
ผ่อนและคอยก่ากับสังคม) ถ้าเดินตามแนวทางนีค
้ วามชัดเจนอยุาง
เร็วจะปรากฏผลในอีก ๑๐ – ๒๐ ปี ข้างหน้า
๓. สังคมในชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๑ – ๗ ในบทสุดท้ายชุวงแผน
๗ สรุปกันวุา “ประเทศไทยทันสมัยแตุไมุพัฒนา” กลุาวคือ เป็ น
สังคมทีม
่ ีความเจริญทางด้านวัตถุส่ง แตุทาง ด้านจิตใจไมุพัฒนา ที ่
เป็ นเชุนนัน
้ เพราะการละเลยการพัฒนาคน ในขณะทีค
่ วามเจริญทาง
ด้านวัตถุและเทคโนโลยีตลอดจนวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามาก การ
ศึกษา การศาสนา และวัฒนธรรมของเราปรับตัวไมุทัน เพราะไมุได้
รับการเอาใจใสุ และใช้เป็ นเครือ
่ งมือสำาคัญควบคุ่ไปกับการพัฒนา
เศรษฐกิจ (วัตถุ) ปรากฏการณ์ทางสังคมทีเ่ กิด ขึน
้ จึงมีปัญหา
มากมายและสลับซับซ้อนยิง่ ขึน
้ ตามกาลเวลา บางเรือ
่ งหนักหนา
สาหัสยากแกุการแก้ไข เชุน เรือ
่ งยาเสพติด แม้จะพยายามกันอยุาง
จริงจังรุวมมือกันทัว
่ ประเทศตัง้ แตุผ้่บริหารส่งสุดจนถึงประชาชนระดับ
รากหญ้า ก็ยังไมุสามารถทำาให้หมดสิน
้ ไปได้ การศึกษา การศาสนา
และวัฒนธรรม ก็ยังเป็ นปั ญหาอยุ่ การปฏิร่ปการศึกษา (จนถึง
พ.ศ. นี ้ – ๒๕๔๗) ยังล้มลุกคลุกคลาน ศาสนาตกแยกกันเป็ นฝั ก
ฝุ ายกลายเป็ นการเมืองในศาสนา หน้าทีห
่ ลักยังเป็ นทีพ
่ ึง่ ทีห
่ วังของ
สังคมไมุได้ วัฒนธรรมเริม
่ ส่ญเสียรากหญ้า เอกลักษณ์ ไมุนำามาเป็ น
ฐานของการพัฒนา คนรุุนใหมุไมุเห็นคุณคุาวัฒนธรรมและ
ภ่มิปัญญาไทย สิง่ ทีเ่ กิดขึน
้ เป็ นผลพวงของการพัฒนาประเทศในชุวงที ่
ผุานมาทัง้ สิน
้ ซึง่ ยังมีอีกมากมาย เรากำาลังปฏิร่ปกฎหมายเพือ
่ ใช้
เป็ นเครือ
่ งมือสำาคัญในการแก้ไขปั ญหาสังคม (มีการจัดระเบียบสังคม
ทุกรูปแบบ) กำาลังปฏิร่ปการศึกษาเพือ
่ ให้เกิดผลการพัฒนาอยุาง
ยัง่ ยืน (Sustainable Development) ในชุวงแผนพัฒนาฯ
ฉบับที ่ ๘ – ๙ เน้นการพัฒนาสังคมมากขึน
้ เป็ นร่ปธรรมมากขึน
้ เป็ น
ลำาดับ โดยเฉพาะรัฐบาล พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เอาจริงเอาจัง
กับการจัดระเบียบสังคม ความส่ญเสียทรัพยากรมนุษย์ทีจ
่ ะเกิดขึน
้
จากปั ญหาสังคม ไมุวุาจะเป็ นเรือ
่ งสุขภาพ อุบัติเหตุ การให้โอกาสแกุ
คนด้อยโอกาสในร่ปแบบตุาง ๆ ซึง่ ก็ต้องรอด่ผลกันตุอไปเชุนเดียวกัน
๔. การเมือง สภาพการเมืองชุวงแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๑ – ๗ มี
วิวัฒนาการช้ามาก กลุาวคือ รัฐบาลไมุคุอยมีความมัน
่ คง โดย
เฉพาะรัฐบาลทีผ
่ ้่นำาไมุได้มาจากทหาร และรัฐบาลก็ไมุคุอยมีอำานาจ
การบริหารจัดการอยุางแท้จริง ต้องคอยเอาใจกลุุมผลประโยชน์ที ่
สนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. ในสภา เป้า
หมายการบริหารจึงไมุได้อยุ่ทีผ
่ ลประโยชน์ของประชาชน แตุอยุ่ที ่
กลุุมผ้ส
่ นับสนุนรัฐบาล ประชาชนตกเป็ น เครือ
่ งมือสำาหรับอ้างความ
ชอบธรรม นักการเมืองยังเลุนบทบาทไมุสร้างสรรค์และจริง ใจตุอ
ประชาชน การทุจริตคอรัปชัน
่ ยังมีส่ง ทัง้ ฝุ ายการเมืองและฝุ าย
ราชการ ผลพวงการพัฒนาเกิดขึน
้ กับประชาชนอยุางแท้จริงน้อย
มาก แตุกลับเกิดในกลุุมนักการเมืองและกลุุมผลประโยชน์ทีส
่ นับสนุน
นักการเมืองส่งมาก สถาบันการเมืองการปกครอง ซึง่ เป็ นสถาบันซึง่
เปรียบเสมือนเป็ นผ้่บริหารจัดการ และผ้่นำาสังคม “เสียศ่นย์” เสียแล้ว
ก็ยากทีผ
่ ลการพัฒนาจะเป็ นประโยชน์ตุอประชาชนและประเทศชาติ
โดยรวม ตัง้ แตุแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๘ เป็ นต้นมา ตามเจตนารมณ์
ของรัฐธรรมน่ญ พ.ศ. ๒๕๔๐ (ฉบับทีใ่ ช้อยู่ในปั จจุบัน) ต้องการปฏิร่ป
ประเทศไทยทุกระบบ และสร้างความสมดุลในสังคม พัฒนาการ
ทางการเมืองคุอย ๆ พัฒนาขึน
้ เป็ นลำาดับ มีการคิดและแสดงบทบาท
เชิงสร้างสรรค์มากขึน
้ รัฐบาลมีความมัน
่ คงและมีอำานาจในการ
บริหารจัดการ แสดงภาวะผ้่นำาได้มากขึน
้ เป็ นนิมิตหมายทีด
่ ีตุอ
พัฒนาการทางการเมืองของไทย แม้จะยังติดขัดเนือ
่ งจากเป็ นระยะ
เริม
่ แรกของการปฏิร่ปการเมือง ก็ยังคาดหวังได้วุาจะมีพัฒนาการทีด
่ ี
ยิง่ ขึน
้ ตุอไป
๕. สิง่ แวดล้อมความเข้าใจของคนสุวนใหญุ เข้าใจวุาสิง่ แวดล้อมเป็ น
เรือ
่ งไกลตัว ทัง้ ๆ ทีเ่ ป็ นเรือ
่ งใกล้ตัวและเกีย
่ วข้องกับชีวิตประจำาวัน
ของผ้่คน เชุนเดียวกับเรือ
่ งใกล้ตัวอืน
่ ๆ อากาศไมุดีเป็ นผลเสีย
ตุอสุขภาพ ปล่กพืชผักไมุได้ผล หรือได้ผลแตุไมุดี อากาศวิปริตฝน
ฟ้าไมุตกต้องตามฤด่กาล ไมุเพียงแตุมีผลตุอพืชพันธ์ุธัญญาหาร ยังมี
ผลตุอแบบแผนการดำาเนินชีวิตของผ้่คนในสังคมด้วย หลายพืน
้ ทีม
่ ี
ปั ญหาเรือ
่ งขยะ นำา
้ เสีย นำา
้ ทุวม ฝนแล้ง เสียงรบกวน ฝุ ุนละออง
ทัง้ หมดนีไ้ มุใชุเรือ
่ งไกลตัวเลย เพราะความทีเ่ ข้าใจวุาเป็ นเรือ
่ งไกลตัว
จึงให้ความสำาคัญน้อย ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหุง ชาติ
ก็พึง่ บรรจุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๐ – ๒๕๒๔) แตุ
ผลการดำาเนินงานไมุเห็นเป็ นร่ปธรรม แม้จะเริม
่ เห็นความสำาคัญของ
สิง่ แวดล้อมจนบรรจุไว้ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที ่ ๔ แตุก็ยังมีการทำาลาย
สิง่ แวดล้อมกันอยุางตุอเนือ
่ ง โดยเฉพาะปุ าไม้ จนมี พ.ร.บ.ปิ ดปุ า
เมือ
่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ การพัฒนาทีย
่ ัง่ ยืนจะต้องไมุทำาลายสิง่ แวดล้อม
การพัฒนาทีผ
่ ุานมายังไมุได้เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาสิง่ แวดล้อม
ประชาชนจึงได้รับผลกระทบโดยไมุร้่ตัว เมือ
่ ร้่ตัวก็ต้องใช้เวลานาน
กวุาสิง่ แวดล้อมจะกลับสุ่ภาวะทีส
่ มดุล
หลักคิดในการพัฒนาชุมชน
๑. การปรับตัวในปั จจุบัน
ในความเป็ นจริงของชีวิตไมุวุาเราจะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ (พ.ศ.
๒๕๔๐) หรือไมุก็ตาม เราต้องปรับตัวอยุ่เสมอ ชีวิตจึงจะดำารงอยุ่ได้
และดำารงอยุ่อยุางมีความสุข สภาพสังคมโลกเปลีย
่ นแปลงเร็ว
เพราะความเจริญก้าว หน้าทางเทคโนโลยี สภาพสังคมไทยก็ปรับตัว
และเปลีย
่ นแปลงเร็วตามไปด้วย เราไมุปรับตัวเองก็ไมุได้แล้ว จะอยุ่
ลำาบาก กับสภาพสังคมไทยในปั จจุบันเราจะปรับตัวเองกันอยุางไร
บ้าง
๑.๑ ผ้่จัดการชุมชนหรือสังคม หมายถึง ภาคการเมืองการ
ปกครองซึง่ เป็ นผ้่นำาสังคม ภาคราชการ องค์กรตุาง ๆ จะคิดเหมือน
เดิมและจะทำาอยุางเดิมตุอไปอีกไมุได้ กลุาวคือ ภาค
การเมืองการปกครอง ต้องคิดในเชิงสร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพ ขีด
ความสามารถ มีความจริงใจ ซือ
่ สัตย์สุจริต โดยเอาผลประโยชน์ของ
สุวนรวมเป็ นทีต
่ ัง้ ด่ประชาชนให้ออก และร้่จักรับฟั ง
ประชาชน ภาคราชการ จะต้องปรับเปลีย
่ นโครงสร้างจาก
แนวตัง้ (Vertical) มาเป็ นโครง สร้างแบบแนวนอนหรือแนวราบ
(Horizontal) เพราะโครงสร้างแนวตัง้ ไมุทันกับงานและสังคมทีซ
่ ับซ้อน
ในปั จจุบัน จะต้องเปลีย
่ นจากระบบรวมศ่นย์อำานาจ (Centralization)
เพราะรวมศ่นย์อำานาจทำาให้การตัดสินใจช้าและหุางไกลข้อม่ลข้อเท็จ
จริง และจะต้องเปลีย
่ นจากการสัง่ การ คิดแทนประชาชน มาเป็ นการ
สุงเสริม สนับสนุน และรับฟั งความคิดเห็นของประชาชน ให้โอกาส
ประชาชนได้เรียนร้่และพัฒนาตนเอง ราชการควรทำาหน้าทีเ่ ป็ นผ้่
อำานวยการ (Facilitator) ให้ประชาชนเป็ นผ้่แสดง (Actor)
องค์กรตุาง ๆ ก็ควรจะเลุนบทเดียวกันกับราชการ และจัดโครงสร้าง
ในลักษณะอยุางเดียวกัน
๑.๒ บริบทอันหลากหลาย เชุน ระบบเศรษฐกิจ การศึกษา
การขนสุง การสือ
่ สาร การสาธารณสุข และสวัสดิการสังคม เป็ นต้น
นอกจากต้องมีความเสมอภาคทัว
่ ถึง และเทุาเทียม ในเรือ
่ งของ
โอกาสแล้ว ต้องมีคุณภาพด้วย ระบบเศรษฐกิจ ควรเป็ น
เศรษฐกิจแบบพึง่ ตนเอง บนรากฐานศักยภาพแตุละชุมชน ผลิตเพือ
่
บริโภคเองเป็ นหลัก เหลือจึงจำาหนุายจุายแจก การศึกษา
เน้นคุณภาพ คิดเป็ น มีทักษะปฏิบต
ั ิได้จริง ทัง้ ทักษะอาชีพและทักษะ
ชีวิต มีจิตวิญญาณของการเรียนร้่และพัฒนาตนเองตลอดชีวิต และมี
ความเสมอภาค มีความเทุาเทียมในโอกาส การขนส่ง ทุก
ชุมชนมีโอกาสเข้าถึง สะดวก รวดเร็ว ราคาถ่ก เพียงพอ เน้นระบบ
ขนสุงมวลชน เพือ
่ ลดความส่ญเสียและฟุ ุมเฟื อยโดยใชุเหตุ
การสือ
่ สาร ซึง่ ไมุเพียงการสือ
่ สารสุวนบุคคลเทุานัน
้ การสือ
่ สาร
มวลชน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทัง้ หลาย ไมุเพียงเป็ นแคุสือ
่ ทีท
่ ัว
่
ถึง ควรให้ความสำาคัญกับคุณธรรม จริยธรรมของสือ
่ มุุงยกระดับ
คุณภาพประชาชนด้วย การสาธารณสุข ทีเ่ น้นการป้องกัน
และสร้างสุขภาพ นำาการซุอมสุขภาพ มีการบริการทีส
่ ะดวก รวดเร็ว
และมีคุณภาพ สวัสดิการสังคม มีการกระจายร่ปแบบให้
หลากหลายมากขึน
้ ไมุใชุเพียงเรือ
่ งของการเจ็บปุ วย เรือ
่ งการประกัน
ชีวิตการประกันภัย เรือ
่ งการฌาปนกิจ หรืออืน
่ ใดทีม
่ ีอยุ่ในสังคมไทย
ขณะนีเ้ ทุานัน
้ อาจมีร่ปแบบใหมุทีจ
่ ่งใจให้คนประพฤติดีทำาคุณ
ประโยชน์ให้แกุสังคมและประเทศชาติ เป็ นต้น นอกจากนี ้
บทบาทหน้าทีข
่ องสถาบันศาสนาควรจริงจัง เข้มข้น และเป็ นเชิงรุก
มากกวุาทีเ่ ป็ นอยุ่ในเวลานี ้ มุุงสัง่ สอนปล่กฝั งคุานิยมทีเ่ หมาะสม
คุณธรรม จริยธรรม เป็ นหลักมากกวุาให้ความสำาคัญกับเรือ
่ ง
พิธีกรรม
๑.๓ เนือ
้ หาของชุมชนหรือสังคม หลัก ๆ ของเรือ
่ งนี ้ คือ
วัฒนธรรม ศักยภาพ ของชุมชนหรือสังคม และสิง่ ทีส
่ ร้างหรือเพิม
่
เข้าไปให้เป็ นชีวิตในชุมชนหรือสังคม หรือวัฒนธรรมใหมุ ศักยภาพ
ใหมุ จะต้องปรับและพัฒนาให้ทันกับการเปลีย
่ นแปลงของสังคมโลก
ในร่ปแบบทีก
่ ลมกลืนเป็ นเอกลักษณ์ของตนเอง ไมุใชุลักษณะการทิง้
ของเกุาเอาของใหมุ ต้องปรับเนือ
้ หาใหมุให้เข้ากับเนือ
้ หา
เดิม
๑.๔ ประชาชนและชุมชน เวลานีป
้ ระชาชนและชุมชนก็ต้อง
ปรับตัวเองด้วย และเป็ นโอกาสทีจ
่ ะปรับตัวเองได้ เพราะทุกฝุ ายเริม
่
เห็นความสำาคัญและพุุงเป้าการพัฒนาไปทีป
่ ระชาชนและชุมชน อะไร
บ้างทีป
่ ระชาชนและชุมชนจะต้องปรับตัว
๑.๔.๑ การเรียนรู้ นอกจากการเรียนร้่บทเรียนในอดีต
แล้ว ประชาชนและชุมชนต้องเรียนร้่ทีจ
่ ะพัฒนาตนเอง คือ จะต้อง
เพิม
่ ทักษะและความสามารถให้ตนเอง โดยเฉพาะทักษะและความ
สามารถในอาชีพ ขณะนี ้ ภาคราชการ องค์กรและหนุวยงานตุาง ๆ
ก็กำาลังสุงเสริมสนับสนุนชุวยเหลืออยุ่ ถ้านิง่ เฉยโอกาสจะผุานเลยไป
ผ้ท
่ ีอ
่ ยุ่ในวัยศึกษาหาความร้่ยิง่ จำาเป็ นจะต้องฉกฉวยโอกาสให้มาก