Professional Documents
Culture Documents
รูปแบบของธุรกิจมี 3 รูปแบบคือ
1. เจ้าของคนเดียว
2. ห้างหุ้นส่วน
3. บริษัท รูปแบบนี้สามารถขยายได้เรื่อยๆ สามารถเปลี่ยนมือได้ เป็นรูปแบบที่ดีที่สุด และจะให้ดีควรเป็น
บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย เพราะมีราคาหุ้น
จากผัง Balance Sheet จะเห็นว่า Max value of Firm, Max Wealth of Shareholder, Max Stock Price มาจากที่เดียวกัน
Max Value of Firm ดูที่มูลค่าปัจจุบัน (PV) ซึง่ PV ในทางการเงินจะไม่เอามาจากมูลค่าทางบัญชี (Book Value: BV)
เพราะมีมูลค่าของอดีตแฝงอยู่ ไม่ใช่มูลค่าปัจจุบันจริงๆ แต่การเงินจะประเมินมูลค่าปัจจุบันโดยใช้ Market Value
(MV) ในการวิเคราะห์อาจจะทำาได้ยาก
ตัวอย่ำงกำรพิจำรณำ หากมีการซื้อที่ดินมาในราคา 5 ล้านบาท และมีผู้ขอซื้อที่ดินจำานวน 3 ราย ได้แก่
A โดยเสนอราคาให้ 10 ล้าน
B โดยเสนอราคาให้ 8 ล้าน
C โดยเสนอราคาให้ 7.5 ล้าน
หากพิจารณาตาม Goal of Financial Management แล้วจะขายที่ดินให้กับ A เพราะ A ให้ราคาสูงสุด ซึ่งจะทำาให้เกิด
Max Value of Firm มากที่สุด แต่ถ้า P ให้ราคา 20 ล้าน ก็จะขายให้ P เพราะสามารถทำา Max Value of Firm ได้มากกว่า
ตัวอย่ำง หากมีเงินลงทุน 100 ล้านบาท และมี Project ที่ต้องการลงทุน A, B, C ควรเลือกลงทุนใน Project ใด โดย
ข้อมูลดังรูปด้านล่าง
PS. - สิ่งที่ผู้กู้ต้องจ่ายคือสิ่งที่ผู้ให้กู้ต้องการ
- การออก Bond คือการกู้เงินระยะยาว, การกู้ Bank คือ การกู้เงินระยะสั้น
- หากมีการลงทุนแบบนี้ ให้เลือกทางเลือก 2 เพราะทำาให้เกิด Max Value of Firm
การคิดผลตอบแทนจะใช้วิธี Weight (Weighted Average Cost of Capital or WACC: ต้นทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ยตามนำ้า
หนัก)
Valuation:
มูลเหตุจูงใจในกำรเก็บเงินสด
• Transaction: เอาไว้ใช้ในการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ
• Precaution: เพือ่ เป็น safety stock ในกรณีที่ไม่มี material ที่ใช้ในการผลิต จะนำาเงินสดไปซื้อ material มาใช้
ในการผลิต
• Compensating balances: เงินคำ้าประกันขั้นตำ่าในการกู้ยืมเงิน
• Speculation: การเก็งกำาไร เช่น เมื่อมี special order เข้ามา ถ้ากิจการมีเงินสดก็สามารถที่จะผลิต special order
ได้ ซึง่ จะเป็นการเพิม่ กำาไรให้กับกิจการด้วย
Ways to Minimize Cash Holdings
• Synchronize inflows and outflows
• Forecast accuracy วางแผนอย่างแม่นยำาเพื่อลด safety stock
• Marketable securities เก็บเงินสดไว้เป็นหลักทรัพย์ ถ้าเดือนร้อนก็สามารถนำาหลักทรัพย์เป็นมาเป็นเงินสดได้
• Line of credit
Case 2 Assume the following data: P = $200, F = $1,000, S = 5,000, C= 0.2, Lead Time 2 weeks
EOQ = √ 2FS / CP = √ [2 * ($1,000) * (5,000)] / [0.2 * ($200)] = 500 units
Average inventory = (500 /2) = 250 units
Weekly usage rate = 5,000/52 = 96 units (1 year has 52 weeks)
Reorder Point = Lead Time * Weekly usage rate = 2 * 96 = 192 units
TIC = CP*(Q/2) + F(S/Q) = [(0.2)*($200)*(250)] + [($1,000)*(5,000/500)] = $20,000
PS. การมี Lead Time ไม่เกี่ยวกับต้นทุน ต้นทุนจะเท่าเดิม
Case 3 Assume the following data: P = $200, F = $1,000, S = 5,000, C= 0.2, Lead Time 2 weeks, Safety Stock 200
EOQ = √ 2FS / CP = √ [2 * ($1,000) * (5,000)] / [0.2 * ($200)] = 500 units
Average inventory = (500 /2) + 200 = 450 units
Weekly usage rate = 5,000/52 = 96 units (1 year has 52 weeks)
Reorder Point = Safety Stock + (Lead Time * Weekly usage rate) = 200 + (2 * 96) = 392 units
TIC = CP*(Q/2) + F(S/Q) = [(0.2)*($200)*(450)] + [($1,000)*(5,000/500)] = $28,000
PS. การมี Safety Stock ทำาให้ต้นทุนในส่วนการเก็บรักษาสินค้าเพิ่มขึ้น
Case 4 Assume the following data: P = $200, F = $1,000, S = 5,000, C= 0.2, Lead Time 2 weeks,
Safety Stock 200, discount of 1% on orders of 1,000 or more.
Discount price = $200 * 0.99 = $198
TIC = CP*(Q/2) + F(S/Q) = [(0.2)*($198)*(1,000/2)] + [($1,000)*(5,000/1,000)] = $24,800
PS. จะเห็นว่าต้นทุนจะลดลงถ้าการซื้อสินค้ามีส่วนลด 1% สำาหรับการสั่งซื้อครั้งละ 1,000 หน่วยขึ้นไป
Case 5 Assume the following data: P = $200, F = $1,000, S = 5,000, C= 0.2, Lead Time 10.4 weeks,
Safety stock 200
Reorder Point = Safety Stock + (Lead Time * Weekly usage rate) - Goods in transit
= 200 + (10.4 * 96) – 500 = 698.4 units
Inventory Cost = 28,000
Midterm Test
- คำานวณเกี่ยวกับ
o Trade Credit เจ้าหนี้การค้า
o EOQ
o วงจรเงินสด
- อาจจะมีส่วนของการบรรยาย