You are on page 1of 25

วรรณคดีมท

ั นะ
พาธา 🔑
CONTENT

พิจารณาเนื อเรื ้ อง่ พิจารณาการใช้ ภาษา


และกลวิธ ี การสรรคา
้ องย่
เนื อเรื ่ อ
การเรี ยบเรี ยงคา
การใช้ โวหาร
โครงเรือง ่
ตัวละคร
ฉากท้องเรือง ่
บทเจรจา
แก่นเรือง ่
้ องย่
เนื อเรื ่ อ!
สุเทษณ์ให้มายาวิน บริวารของสุเทษณ์ใช้เวทมนตร ์คาถาไปสะกดให้นางมายังวิมานของสุ
เทษณ์เทพบุตร แต่กย ็ งั ไม่พอใจเพราะว่า สุเทษณ์เห็นว่านางมัทนาตอบคาถามของเขาเหมือนผู ไ้ ม่
มีสติอยู ก่ บ ้
ั เนื อกับตั ่
ว จึงให้มายาวินคลายมนตร ์สะกด เมือนางรู ่ าไปถึงวิมาน
้สึกตัวก็ตกใจกลัวทีเข้
ของสุเทษณ์ สุเทษณ์จงึ ถือโอกาสฝากร ัก มัทนาแสดงความจริงใจว่านางไม่ได้ร ักสุเทษณ์จงึ ไม่อาจ
่ ยน
ร ับร ักได้ เมือได้ ้ เทษณ์ไม่พอใจนางมัทนา จึงสาปให้นางจุตจ
ิ ดังนันสุ ิ ากสวรรค ์ไปเกิดบนโลก
มนุ ษย ์โดยนางเป็ นผู ร้ ้องขอให้ตนเองเกิดไปเป็ นดอกกุหลาบในป่ าหิมาวันโดยเปิ ดโอกาสให้นาง
กลายร่างเป็ นมนุ ษย ์ได้เมือถึ ่ งคืนวันเพ็ญเพียงหนึ่งวันกับหนึ่งคืนเท่านันและเมื
้ ่
อใดที ่
นางมี ่
ร ักเมือ
้ งจะพ้นคาสาปและกลายร่างเป็ นมนุ ษย ์ได้อย่างปกติ หากเมือใดที
นันจึ ่ ่
นางมีทุกข ์เพราะความร ักก็
ให้นางอ้อนวอนต่อพระองค ์และพระองค ์จะช่วยเหลือ


เมือนางลงมาจุ ตเิ ป็ นดอกกุหลาบบนโลก ฤษีกาละทรรศินมาพบต้นกุหลาบและนากลับไป

ปลู กทีอาศรมของตน ่ ทนากลายเป็ นมนุ ษย ์ก็เลียงดู
เมือมั ้ ่
และร ักใคร่เยียงลู กของตน จนวันหนึ่ง
ท้าวช ัยเสนได้พบกับมัทนาและก็ตกหลุมร ักกัน ท้าวช ัยเสนได้พานางมัทนากลับไปทีวั ่ ง จัณฑีผูู้
เป็ นมเหสีร ูู้สึกริษยา นางเลยใช้กลอุบายโดยให้มท ั นาค่อมข้าหลวง เพือท ่ าให้เข้าใจผิดว่ามัทนา
ร ักทหารของท้าวช ัยเสน ท้าวช ัยเสนกริวสั ้ งประหารนางมั
้ ี่
ทนา แต่โชคดีทเพชรฆาตผ้ ููสงสารใน
โครงเรื่ อง
เป็ นบทละครพูดคาฉันท์ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ าเจ้ าอยู่หวั (รัชกาลที่ ๖)ทรงคิดโครงเรื่ องเอง ไม่ได้ ตดั
ตอนมาจากวรรณคดีเรื่ องใด แก่นสาคัญของเรื่ องมีอยู่ ๒ ประการ คือ

เพื่อแสดงความเจ็บปวดอันเกิดจากความรัก ทรงแสดงให่เห็นว่าความรักมีอนุภาพอย่างยิ่ง ผู้ใดมีความรักก็


อาจเกิดความหลงขึ ้นตามมาด้ วย ทรงใช้ ชื่อเรื่ องว่า "มัทนะพาธา" อันเป็ นชื่อของตัวละครเอกของเรื่ อง ซึง่ มี
ความหมายว่า "ความเจ็บปวดหรือความเดือดร ้อนอ ันเกิดจากความร ัก" มีการผูกเรื่ องให้
มีความขัดแย้ งซึง่ เป็ นปมปั ญหาของเรื่ อง คือ
๒.๑ สุเทษณ์เทพบุตรหลงรักนางมัทนา แต่นางไม่รับรักตอบจึงสาปนางเป็ นดอกกุพฺชกะ (กุหลาบ)
๒.๒ นางมัทนาพบรักกับท้ าวชัยเสน แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคเพราะนางจันทีมเหสีของท้ าวชัยเสนวางอุบายให้
ท้ าวชัยเสนเข้ าใจนางมัทนาผิด สุดท้ ายนางมัทนาได้ มาขอความช่วยเหลือจากสุเทษณ์เทพบุตร และสุเทษณ์เทพบุตร
ขอความรักนาง อีกครัง้ แต่นางปฏิเสธช่นเคย เรื่ องจึงจบลงด้ วยความสูญเสียและความเจ็บปวดด้ วยกันทุก่่ าย
Character
เทพบุตรสุเทษณ์
เทพธิดามัทนา
มายาวิน
พิจารณาการใช้ ภาษา
ในมัทนะพาธามีการใช้การสรรคาอยู ่มากมาย

การ

ซึงการสรรค ้ แ
านันผู ้ ต่งจะต้องเลือกใช้คาให้ตรง
ตามความต้องการ เหมาะสมกับเนื อเรื ้ องและฐานะ

่ ตลอดจนสอดคล้องกับลักษณะ
ของบุคคลในเรือง
ของคาประพันธ ์ นอกจากนี ยั ้ งต้องเลือกสรรคาให้

สรรคา
เกิดความงามความไพเราะทางด้
การใช้คา นเสี
าให้ ้
ยง รวมทังให้
ตรงตามความ
่ ต้วอย
เหมาะสมกับบริบทในเรืองด้ งการ

คาไวพจน์

การเล่นคาแบบสะบัดสะบิ้ง

การเล่นคา ล้อความ

คาอัพภาส
1) เลือกใช้คาให้ ไม้ เรี ยกผะกากุพฺ- ชะกะสีอรุณแสง
ถู กต้องตรงตาม ปานแก้ มแฉล้ มแดง ดรุณีณยามอาย;
ความหมายที่ ดอกใหญ่และเกสร
อยูท่ นบวางวาย
สุวคนธะมากมาย,
มธุรสขจรไกล;
ต้องการ อีกทังสะพรั
้ ่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้
ผึ ้งเขียวสิบนิ ไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน.
อันกุพฺชะกาหอม บริโภคอร่อยเพลิน,
รสหวานสิหวานเชิญ นรลิ ้มเพราะเลิศรส;
คาประพันธ์ข้างต้ นเป็ นคาอธิบายลักษณะและประโยชน์ของดอกกุหลาบว่าดอกไม้ นี ้ชื่อกุพช
กะมีสีชมพูแดงเหมือนแสงอาทิตย์และเหมือนแก้ มผู้หญิงเมื่อเขินอาย มีดอกที่ใหญ่ มีเกสรมีกลิ่น
หอมที่สง่ ไปได้ ไหและ ยาวนาน มีหนาม ผึ ้งชอบมาตอมดอกไม้ นี ้ ดอกสามารถรับประทานได้
รสชาติหอมหวาน
2) เลือกใช้คาให้

เหมาะสมกับเรืองและ

ฐานะของบุคคลในเรือง
สุเทษณ์ น่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน จึง่ เป็ นเช่นนี ้?
ดูราวละเมอ เผลอเลอฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ,
คราใดเราถาม หล่อนก็ย้อนความ เหมือนเช่นถามไป.
ดังนี ้จะยวน ชวนเชยฉันใด เปรี ยบเหมือนไป พูดกับหุน่ ยนต์.

เหมาะสมเพราะมายาวินเป็ นข้ ารับใช้ ของสุเทษณ์ สุเทษณ์จงึ สามารถใช้ คาพูดที่ดเู ป็ น


กันเองกับมายาวินได้
3) เลือกใช้คาให้
เหมาะสมแก่ลก ั ษณะ
ของคาประพันธ ์
อันเวทอาถรรพณ์ ที่พนั ผูกจิต
แห่งนางมิ่งมิตร อยูบ่ ดั นี ้นา
จงเคลื่อนคลายฤทธิ์ จากจิตกัญญา
คลายคลายอย่าช้ า สวัสดีสวาหาย!

เหมาะสมเพราะว่าโคลงสี่สภุ าพนันต้ ้ องมีการใช้ คาที่จากัดและต้ องมีสมั ผัสที่ถกู ต้ อง


และยังต้ องมีการใส่วรรณยุกต์ให้ ถกู ที่อีกด้ วย ซึง่ ในที่นี ้มายาวินกาลังร่ายมนต์เพื่อคลายฤทธิ์
ของมนต์ให้ นางมัทนากลับมาได้ สติ ซึง่ ผู้แต่งเลือกสรรคาได้ ดีจงึ สามารถทาให้ ผ้ อู า่ นเห็นภาพ
ได้
4) เลือกใช้คาโดย
คานึ งถึงเสียง
ก. คาเลียนเสียงธรรมชาติ

มัทนะพาธาไม่มีการใช้ คาเลียนเสียงธรรมชาติ
4) เลือกใช้คาโดย
คานึ งถึงเสียง ข. คาที่เล่นเสียงวรรณยุกต์

สุเทษณ์ โอ้ โอ๋กระไรนะมะทะนา บ มิตอบพะจีพอ?


มัทนา โอ้ โอ๋กระไรอะมระง้ อ มะทะนามิพอดี!
4) เลือกใช้คาโดย
คานึ งถึงเสียง
ค. คาที่เล่นเสียงสัมผัส

อ้ าอรเอกองค์อไุ ร
ชวนชักชมเชย
4) เลือกใช้คาโดย
คานึ งถึงเสียง ง. คาที่เล่นเสียงหนักเบา

สุเทษณ์ : พี่รักและหวังวธุจะรัก และบทอดบทิ ้งไป

มัทนา : พระรักสมัครณพระหทัย ฤจะทอกจะทิ ้งเสีย?

สุเทษณ์ : ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย

มัทนา : ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ


การเรี ยบเรี ยงคา
การเรี ยบเรี ยงประโยคในเรื่ องนี ้ เนื ้อหาเข้ มข้ นขึ ้นตามลาดับตังแต่
้ ความสาคัญน้ อยจนถึงขันสุ
้ ดท้ ายที่
สาคัญที่สดุ

ในบทประพันธ์เรื่ องมัทนะพาธา มีการเรี ยบเรี ยงคาหลากหลายรู ปแบบ โดยคาประพันธ์นนั ้ มีการ


เรี ยบเรี ยงประโยคให้ เนื ้อหาเข้ มข้ นขึ ้นไปตามลาดับโดยมีประโยคสุดท้ ายสาคัญที่สดุ
โวหารภาพพจน์ อุปมาโวหาร
บุคคลวัต
ปฏิพากย์
ลีลาคาประพันธ์
เสาวรจนี

นารี ปราโมทย์

พิโรธวาทัง
อุปมาโวหาร
ดูราวละเมอ เผลอเลอฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ

ดังนี ้จะยวน ชวนเชยฉันใด เปรี ยบเหมือนไป พูดกับหุน่ ยนต์.

อ้ ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอมั พร

แต่อยูด่ ีดีทนั ใด บังเกิดร้ อนใน อุระประหนึง่ ไฟผลาญ

สานวนเขียนที่กล่าวถึงเรื่ องราวโดยยกสิ่งต่าง ๆ ขึ ้นมาเปรี ยบเทียบประกอบ มักมี


คาว่า เหมือน ดุจ คล้ าย เปรี ยบอย่าง ดัง ดัง่ ปาน เพียง เพี ้ยง ประหนึง่ ประดุจ พ่างฯลฯ
บุคคลวัต
ด้ วยกลิ่นของข้ าบาท ก็จะได้ ประณตน้ อม
ใจนิตย์บชู าจอม สุระบ่มบาเพ็ญบุญ

การกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด ไม่มีวิญญาณ เช่น โต๊ ะ เก้ าอี ้ อิฐ ปูน
หรื อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ เช่น ต้ นไม้ สัตว์ โดยให้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี ้ แสดงกิริยาอาการและ
ความรู้สกึ ได้ เหมือนมนุษย์
ลีลาคาประพันธ ์
เสาวรจนี อ้ ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอมั พร

แปลความได้วา
่ นางมัทนา ผู้สวยงามราวกับสายฟ้าที่สว่างบนท้ องฟ้า

อ้ าเจ้ าลาเพาพักตร์ สิริลกั ษะณาวิไล,

แปลความได้วา
่ มัทนาคนงาม

เป็ นการชมความงาม ชมโฉม พร่ าพรรณาแลบรรยายถึงความงามแห่งนาง ทังตามขน



บกวีเก่าก่อนแลในแบบฉบับส่วนตัว
นารีปราโมทย ์
อ้ ายอดสิเนหา มะทะนาวิสทุ ธิศรี ,
อย่าทรงพระโศกี วรพักตร์ จะหม่นจะหมอง.
พี่นี ้นะรักเจ้ า และจะเ่้าประคับประคอง
คูช่ ิดสนิทน้ อง บ่ มิให้ ระคางระคาย.

แปลความได้ วา่ มัทนายอดรัก อย่าได้ เศร้ าไปเลยหน้ าเจ้ าจะหม่นหมอง


พี่รักและจะคอยดูแลเจ้ า จะไม่ให้ เจ้ าต้ องราคาญ

การแสดงความรักผ่านการเกี ้ยวแลโอ้ โลมปฏิโลม


พิโรธวาทัง

เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึง่ ทาเช่นนัน้ ให้ ข้าพระบาทต้ องอาย


แก่หมูช่ าวฟ้าทังหลาย?
้ โอ้ พระฦๅสาย พระองค์จงปรานี.

แปลความได้ วา่ นางมัทนาตัดพ้ อต่อองค์สเุ ทพณ์วา่ ทาไมจึงต้ องทาเช่นนี ้


ด้ วย การกระทานี ้เป็ นเหตุให้ นางต้ องอับอายต่อชาวฟ้าชาวสวรรค์

การแสดงความโกรธแค้ นผ่านการใช้ คาตัดพ้ อต่อว่าให้ สาใจ ทังยั


้ งสาแดงความน้ อย
เนื ้อต่าใจ, ความผิดหวัง, ความแค้ นคับอับจิต แลความโกรธกริว้ ตามออกมาด้ วย
สัลลาปั งคพิไสย
อ้ าเทพศักดิส์ ิทธิ์ซงึ่ พระจะลงพระอาญา,
ข้ าเป็ นแต่เพียงข้ า บ มิมงุ่ จะอวดดี.
หม่อมฉันนี่อาภัพ และก็โชคบ่พงึ มี,
จึง่ ไม่ได้ รองศรี วรบาทพระจอมแมน.

แปลความได้ วา่ องค์สเุ ทษณ์หากพระองค์จะลงพระอาญา หม่อมฉันก็เป็ น


เพียงแต่ข้ารับใช้ ไม่ได้ คดิ จะอวดหม่อมฉันเป็ นคนอาภัพและไม่มีโชค จึงไม่ได้ รับใช้
พระองค์

การโอดคร่ าครวญ หรื อบทโศกอันว่าด้ วยการจากพรากสิ่งอันเป็ นที่รัก. มีใช้ ให้ เกลื่อน


กล่นไปในบรรดานิราศ
คุณค่า
คุณค่าทาง
อารมณ์
คุณค่าทาง
คุณธรรม
คุณค่า

ทางด้านอืนๆ

You might also like