You are on page 1of 29

 

ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา หนึ่ง

ตํารากลับชะตา
จากประชุมพระราชนิพนธในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
(ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม)
รวบรวมเรียบเรียง โดย พระมหายงยุทธ อัตตเปโม
จัดพิมพเผยแพร โดย ซินแสหลัว

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สอง

ตํารากลับชะตา
พระราชนิพนธ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
รวบรวมเรียบเรียง โดย พระมหายงยุทธ อัตตเปโม
พิมพครั้งที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
พิมพครั้งที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
พิมพครั้งสุดทาย (ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม) ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

จัดพิมพเผยแพรโดย
ซินแสหลัว โหราศาสตรจีน
www.facebook.com/chinesehoro
www.chinese-horo.com
(ไมสงวนลิขสิทธิ์ - ตํารานี้เปนของสูง โปรดวางไวในที่อันควร)

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สาม

คํานํา
ตํา รานี้ผ มไดม าแตทา นพระมหายงยุท ธฯ ผูท รงภูมิท างวิช าโหราศาสตรผูห นึ่ง ที่ผ มนับ ถือ
และไดส นทนาขอความรูอ ยูเ นือ งๆ ครั้ง หนึ่ง เมื่อ ตนเองไดเ กิด โรคภัย เจ็บ ไขต ลอดจนเหตุก ารณ
อัน ไมสูด ีนัก ที่เ ปน ประหลาดเนื่อ งจากตรวจสอบตามดวงชะตาแลว ไมค วรปรากฎเหตุเ ภทภัย
ดัง นั้น ทานไดแ นะนําใหสวดพระคาถาตามที่พรรณาไวใ นตํา รานี้ อาจเปน มหัศจรรยผ ลานุภาพ
ชว ยเหลือ เกื้อ หนุน ใหพน ภยัน ตรายนี้ไ ด ดว ยเหตุที่มีผูนํา ไปใชแ ลว เห็น อิท ธิคุณ มามากตอ มากแลว
ผมจึงไดดําริจัดพิมพตํารานี้เผยแพรเพื่ออาจเปนประโยชนแกคนหมูมากทั้งหลายจะไดมีชีวิตที่ปราศจาก
ทุก ขภัย เปน ปจ จัย ในการทํา ความดีไ ดอ ยา งเต็ม กํา ลัง ความสามารถตอ ไป บุญ กุศ ลใดๆอัน เกิด แต
ตํารานี้ขออุทิศถวายไปยังบิดามารดาของขาพเจา ผูรจนาตํารานี้ พระรัตนตรัย พระมหากษัตริย
เทพยดาตลอดจนครูบาอาจารยและสหายผูชวยเหลือเกื้อหนุนทุกทานทุกคนเทอญ ๚๛
ผมมีความจํา เปน ที่จ ะตอ งอธิบายเกี่ยวกับตํารากลับชะตานี้ ณ สวนของคํา นํา เนื่อ งจาก
ตองการรักษาตนฉบับเดิมเอาไว แนนอนวาดวยความแตกตางทางวัฒนธรรมอันแปรเปลี่ยนไปตาม
กาลสมัย อาจทํา ใหก ารใชภ าษาในคํา อธิบ ายตลอดจนเครื่อ งประกอบพิธีบ างอยา งกลายเปน สิ่ง ที่
ยากแกการเขาใจและจัดหามาใหไดครบตามที่กําหนดไวในตํารา อยางไรเสียผมก็ขอใหทานไดใช​
ความพยายามจัดเตรียมเครื่องประกอบพิธีใหครบตามที่ตํารากําหนดไวเพื่อรักษาธรรมเนียมเดิมไว
อัน เปน การแสดงความเคารพศรัท ธาตอ วิช า ทั้ง นี้ หากจัด หาไมไ ดค รบถว นดว ยความจํา เปน
ประการใดก็ต าม ขอทา นอยา ไดเ ปน กัง วลมากดว ยเพราะปญ หาดัง กลา วผมไดเ รีย นปรึก ษา

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สี่

กับทานพระมหายงยุทธฯ ผูสืบคนรวบรวมตํารานี้ออกเผยแพร ทานกลาวตอบวาจากประสบการณ


ที่ผา นมาอัน จะไดเ ลา ในบทตอ ไปนั้น ผูส วดบางคนเปน ชาวบา นอา นหนัง สือ ไมแ ตกฉานมากนัก
บางคนก็ไ มมีท รัพ ยม ากมายพอจะหาเครื่อ งประกอบพิธีไ ดค รบถวน แตก็ไ ดผ ลอัน วิเ ศษอัศ จรรย
จากการสวดพระมนตใ นตํา รานี้ ดว ยเพราะไดยึด เอาเพีย งหัว ใจสํา คัญ ของตํา รากลับ ชะตา
นั่น คือ การมุง อัญ เชิญ คุณ ของพระพุท ธ พระธรรม และพระสงฆม าประทับ ในจิต ใหส นิท ในใจ
เพื่อการชําระกายนี้ใหบริสุทธิ​ปราศจากเคราะห อุบาทว โรคภัย ฯลฯ โดยแบงพระคาถาออกเปน
สองสว นใหญๆ คือ สว นที่วา ดว ยการชํา ระกายภายนอกและสว นที่วา ดว ยการชํา ระกายภายใน
อันหมายถึงการอธิษฐานจิตลงในน้ําที่จะอาบและเครื่องอาบน้ํา (ภาษาโบราณเรียก เครื่องสนาน)
และการอธิษ ฐานจิต ลงในน้ํา เพื่อ ดื่ม ซึ่ง ก็ส ามารถประยุกตเ ครื่อ งประกอบพิธีบ างอยา งใหเ ขา กับ
ปจ จุบ ัน สมัย ได เชน การใชส บู แ ละยาสระผม แทนการใชด ิน สอพอง มะกรูด และสม ปอ ย
เพีย งแตห ากวา ทา นสามารถหาเครื ่อ งประกอบพิธ ีนั ้น ๆ ไดค รบก็จ ะเปน การดีไ มน อ ย
เนื่อ งจากมะกรูด และสม ปอ ยนั้น เปน อาทิ นอกจากจะเปน สมุน ไพรสมานผิว ชํา ระรา งกายแลว
ตามคติความเชื่อโบราณยังเชื่อวาสามารถชวยลางอาถรรพตลอดจนสิ่งไมดีใหออกไปจากตัวไดดวย
การทําน้ําพระพุทธมนตเพื่อประพรมหรืออาบตามอยางโบราณจึงมักจะขาดสองสิ่งนี้ไปไมได เปนตน
เหตุที่ตองเนนย้ําก็เพื่อไมใหทานมักงายและประมาทในภูมิปญญาบรรพบุรุษที่ทานไดรังสรรคตํารานี้ขึ้นมา
อัน อาจสอดแทรกเรื่อ งราวเคล็ด วิช าเอาไวใ นจุด เล็ก จุด นอ ยอยา งแยบคาย ทั้ง นี้ จิต ใจที่มั่น คง
ในสมาธิและแรงอธิษฐานที่แนวแนยอมเปนหัวใจหลักของตํารากลับชะตา ดังที่เนนใหผูสวดจะตองสวด
คําแปลภาษาไทยกํากับเพื่อใหทราบความหมายของพระมนตไปพรอมกับสวดแบบบาลี และมีบทสรุป
ในตอนทา ยของหนัง สือ ที่พ ระมหายงยุท ธฯ ทา นไดแ ปลเพิ่ม เติม ลงไปสํา หรับ ผูที่ไ มมีเ วลาสวดยาว
หรือผูที่ไมคอยรูหนังสือใหไดทองจําเพียงถอยคําสั้นๆ ที่หากแมนเพียงทานสํารวมจิตใหตั้งมั่นแนวแน

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา หา

สวดแตบทสรุปทายหนังสือนี้โดยไมไดเตรียมเครื่องประกอบพิธีใดๆเลย ผลสัมฤทธิ์ก็ปรากฎไดไมยิ่ง
หยอนไปกวาการสวดแบบเต็ม เห็นแจงกันจากผูที่เคยสวดมาแลวไมน​อย
การสวดพระมนตต ามตํา รากลับ ชะตานี้ไ มใ ชเ รื่อ งลึก ลับ หรือ ยุง ยากแตป ระการใดเลย
หากแตเปนการสอนใหทานไดเขาใจในความบริสุทธิ์แหงพระพุทธศาสนาและเปนอุบายอยางยิ่งในการ
กลอมเกลาจิตใจใหผองใสขาวรอบเทานั้น อันเปนสิ่งที่ยืนยันวาหากเราชาวพุทธหมั่นละวางซึ่งกิเลส
และทําจิตใหบริสุทธิ์ไดทุกชั่วลมหายใจแลวไซร ภยันตรายใดๆก็ไมอาจมาแผนพานเบียดเบียนบีฑาได
เหมือนเชนการสวดพระมนตนี้เพื่อเปนการสรรเสริญและระลึกในพระบริสุทธิ์คุณแหงพระรัตนตรัย
ก็ยัง ใหผ ลอัน อัศ จรรยไ ดเ พีย งนี้แ ลว ผลที่ไ ดจ ากการสวดอัศ จรรยวิเ ศษสมปรารถนาทา นฉัน ใด
การรักษาจิตรักษาใจใหบริสุทธิ์ไดตามคําสั่งสอนของพระศาสดาก็จะใหผลวิมลวิเศษเลิศไดฉันนั้น
ขอกลาววานี่เปนเพียงตัวอยางที่แสดงใหเห็นถึงพลานุภาพที่เล็กนอยของการประพฤติตามหลักธรรม
เทานั้น มิใชแกนแทของพระธรรมแตประการใดเลย มุงแสดงเพื่อใหเกิดศรัทธาและกําลังใจในการ
ประพฤติปฏิบัติตนเปนคนดี เทานั้น หวังเปนอยางยิ่งวาในบทตอไปซึ่งจะบรรยายถึงประสบการณ
จากผู เ คยสวดตามตํ า รากลับ ชะตาแลว ไดร ับ ผลดีอ ัน อัศ จรรยนั ้น ในอนาคตจะไดเ พิ ่ม เติม
ประสบการณจ ากทา นหรือ ญาติมิต รพี่นอ งทา นผนวกเพิ่ม เติม ลงไปดว ย ดัง นั้น หากไดรับ
ประสบการณดีๆจากการสวด ขอไดเลาบอกใหกระผมไดทราบเพื่อการเผยแพรความรูนี้ตอไป
สองฉบับแรกที่พิมพเผยแพรเปนฉบับที่ปรับภาษาคําแนะนําในตํารากลับชะตาเปนภาษาปจจุบัน
แตในฉบับนี้ไดพิมพคัดลอกจากตนฉบับเดิม ภาษาจึงเปนภาษาโบราณอาจมีการสะกดตางจากปจจุบัน
บาง ขอใหทราบวาไมไดพิมพผิดพลาดแตประการใด
(ซินแสหลัว)
วันเสาร ขึ้น ๙ ค่ํา เดือน ๑ ปมะเมีย ๒๕๕๗
 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา หก

พระบรมฉายาลักษณ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกลาเจาอยูหัว


พระมหากษัตริยพระองคที่ ๔ แหงราชวงศจักรี มีพระนามเดิมวา "เจาฟามงกุฎ สมมติเทวาวงศพงษอิศรกษัตริย"
เสด็จ พระราชสมภพในวัน พฤหัส บดี ขึ้น ๑๔ ค่ํา เดือ น ๑๑ ปช วด ตรงกับ วัน ที่ ๑๘ ตุล าคม พ. ศ . ๒๓๔๗
ในสมัย รัช กาลที่ ๑ ณ นิว าสสถานในพระราชนิเ วศนเ ดิม ดา นใตข องวัด อรุณ ราชวราราม[1] เปน พระราชโอรส
องคที่ ๔๓ และเปนลําดับที่ ๒ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัยและสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัวเสวยราชสมบัติในวันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑ ค่ํา ปกุน ยังเปนโทศก พ.ศ. ๒๓๙๔
รวมดํ า รงสิร ิร าชสมบัต ิ ๑๖ ป ๖ เดือ น และมีพ ระราชโอรส พระราชธิด ารวมทั ้ง สิ ้น ๘๒ พระองค
พระองคเ สด็จ สวรรคตเมื่อ วัน พฤหัส บดี ขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือ น ๑๑ ปม ะโรง เวลาทุม เศษ ตรงกับ วัน ที่ ๑ ตุล าคม
พ.ศ. ๒๔๑๑ รวมพระชนมพรรษา ๖๔ พรรษา วัดประจํารัชกาล คือ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา เจ็ด

เหตุวามีตนตอ จึงไดขอสืบตอมา
พระมหายงยุ ท ธฯ ท า นได เ มตตาเล า กั บ ผมว า ท า นพบอ า นเจอข อ ความเกี่ ย วกั บ พระตํ า รานี้
จากหนังสือเลมหนึ่งนานมากแลว จําชื่อผูเขียนไดวาชื่อคุณ เอนก นาวิกมูล แตชื่อหนังสือนั้นเลือนลาง
ในความทรงจํ า สุ ด ที่ จ ะนึ ก ออกได ชั ด แจ ง ครั้ น ก็ เ กิ ด ความสนใจในการสื บ ค น ก็ ไ ด ไ ปปรึ ก ษา
กับนายกสมาคมโหราศาสตรนานาชาติขณะนั้น แตก็ไดคําตอบมาวาทานก็ไมทราบเชนกัน พระมหายงยุทธฯ
ทานจึงไปคนหายังหอสมุดโบราณตางๆ ของประเทศดวยความมุงหมายวาคงมีสักแหงที่มีตํารานี้ปรากฎอยู
เหตุการณไมงายดั่งที่คิด ทั้งที่หอสมุดแหงชาติ หอสมุดประจํามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร และมหาศิลปากร
ก็หาตํารานี้ไมพบ ไปพบเอาที่หอสมุดกลางแหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในหนังสือชื่อ ประชุมพระราชนิพนธ
ในรัชกาลที่ ๔ เลมที่ ๒ อนุสสรณงานศพ นางผิน แจมวิชชาสอน ภรรยาหลวงแจมวิชชาสอน
เมื่อทานไดตํารานี้มาสมดั่งเจตนาแลว ก็ไดใชคุณอันวิเศษแหงตํารานี้ชวยเหลือผูที่ตกยากอับจน
ในถนนแห ง การดํ า เนิ น ชี วิ ต ให ไ ด ป ระกอบกิ จ การงานสมตามปรารถนาเพื่ อ เลี้ ย งชี พ โดยสุ จ ริ ต วิ ถี
ซึ่งจะเปนเครื่องชวยใหประกอบคุณความดีอื่นๆไดโดยงาย ไมลําบากยากรายในการหาเลี้ยงตน จนประจักษ
แจงดวยประสบการณอันอิทธิคุณแหงพระมนตนี้ไดแสดงขึ้นไว ดังนี้
รานเพชรที่ยานการคาชื่อดังแหงหนึ่งมีหนี้สินประมาณ ๑๐ ลานบาท แรกเริ่มเดิมทีรวมเปดกิจการ
กับเพื่อน แตตอมาเพื่อนไดถอนทุนออก เจาของรานจึงไดดําเนินกิจการตอมาดวยตนเอง แตปรากฎเหตุ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา แปด

อันประหลาดคือลูกคาที่มีมาแตเดิมลดลง ไมคอยมีคนเขาราน ครั้นจึงไดเรียนปรึกษากับทานพระมหาฯ


และได อ าราธนานิ ม นต ท า นไปสวดมนต ทํ า บุ ญ ที่ ร า น เมื่ อ ถึ ง เวลาที่ ไ ด กํ า หนดหาฤกษ เ อาไว ดี แ ล ว
จึงไดสวดทําตามตํารา พรมน้ํามนต และแผเมตตาใหพระภูมิเจาที่ซึ่งดูแลรานคาดังกลาวใหมีความสุข
ความเจริญ เสร็จพิธีทานก็ไดเดินกลับเขามาในราน พลันก็มีคณะนักทองเที่ยวชาวตางชาติมาซื้อไดกําไร
ไปหลายหมื่น ประสบการณนี้เกิดหลังจากสวดพระมนตนี้เพียงไมกี่นาทีเทานั้นเอง
รายตอมาเปนสตรีผูหนึ่งซึ่งไดคํานวณตามดวงชะตาแล วยังไมถึงคราวที่จะตองโดนยึดบา น
แตมีคดีฟองรองซึ่งหากคําพิพากษาตัดสินออกมาก็อาจจะตองโดนยึด ทานจึงไดแนะนําใหสวดพระมนตนี้
ปรากฎวาสวดเพียง ๑๕ วัน ก็ปรากฎไดโชคลาภ แลวมีเงินมาผอนคาบาน
รายที่สามที่อยากยกเปนตัวอยางคือ คูครองของตนไปมีภรรยานอยจึงไดเกิดเรื่องราวฟองรองกัน
และจะโดนฟองเพื่อยึดบานที่ดาวนเอาไวดวย ครั้นพอตอนเชากอนจะไปฟงคําพิพากษาศาลก็ไดสวดพระมนตนี้
เอาน้ํากิน เหตุอันอัศจรรยก็เกิดขึ้นคือทนายฝายโจทกลืมนําเอกสารสําคัญชิ้นหนึ่งมาในกระบวนการพิจารณาคดี
ซึ่งเปนเอกสารที่อาจตัดสินชี้ขาดใหฝายโจทกชนะคดีได ก็เลยเปนเหตุใหตองทําการประนีประนอมยอมความกัน
ระหวางโจทกและจําเลย การยึดบานจึงไมเกิดขึ้น และฝายภรรยาก็เปลี่ยนใจไมหยากับคูครองตนอีกดวย
ผูมีประสบการณรายที่สี่ ออกจะอัศจรรยและเปนความเชื่อลึกลับเสียหนอย กลาวคือเปนบุตรชาย
ของนายทหารทานหนึ่งสังกัดโรงพยาบาลทหารผานศึก มีอาการพูดจาพร่ําเพออยูคนเดียวตลอดเวลา
และมักจะทุบทําลายกระจกที่มีอยูในบานของตนอยูเรื่อยๆ ปรากฎวามีองคเปนรางทรงแตผูเปนพอไมยอมรับ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา เกา

เขาใจวาเปนอาการทางจิตประสาทจึงไดพาบุตรชายไปรักษาหลายตอหลายโรงพยาบาลหมดเงินไป
รวมลานบาท อาการก็ไมดีขึ้น ตอมาจึงไดพาไปพบพระเกจิอาจารยที่อาจจะชวยไดเนื่องจากร่ําลือ
ในชื่อเสียงที่ทานสามารถปราบผีหรือวิญญาณตางๆได เหตุการณกลับพลิกคือบุตรชายทานกลับไป
เปนผูชวยพระรูปดังกลาวในการปราบผีทั้งยังชํานิชํานาญทําไดดีกวาพระรูปนั้นเสียอีก ความกังวลใจ
จึงมาตกแกผูเปนพอซึ่งตอมาไดปรึกษากับทานพระมหาฯ ทานจึงแนะนําใหสวดพระมนตนี้ นายทหารทานนั้น
จึงไดอธิษฐานจิตตามวิธีการแลวเอาน้ํามนตนี้ใสตูเย็นใหบุตรชายดื่ม พอดื่มแลวบุตรชายก็หันมามองหนา
ผูเปนพอ แลวไมพูดไมจาอะไรทั้งสิ้น หลังจากนั้นไมนานอาการที่เปนอยูในตอนตนก็คอยทุเลาเบาบางหายไป
ผูมีประสบการณรายที่หา คือเด็กประถมแถวภาคเหนือ โดนครูที่สอนในโรงเรียนดวยเหตุไมพอใจ
อะไรไมทราบแนชัดนักทําคุณไสย ใส ทั้งนี้ก็ไดนําดอกไมธูปเทียนไปขอขมาแลวแตก็ไมไดรับการยกโทษให
ฝายผูเปนครูบอกใหตองยายไปเรียนที่โรงเรียนอื่นอยางเดียว อาการที่เปนก็คือปวดศีรษะและตนคอตลอดเวลา
ที่อยูโรงเรียน แตพอกลับมาบานอาการนั้นก็จะหายไปเองอยางไมทราบสาเหตุ เปนอาการประหลาดแบบนี้
อยูนาน รักษาดวยวิธีการใดๆ อยางไรก็ไมหาย แมกระทั่งใหพระไลผีออกไป พระทานก็บอกวาผีมีเยอะ
หลายตน ไลตนนึงออกอีกตนก็เขามาแทน สุดจะหาวิชาไหนมาไลได จนทานพระมหาฯ ไดแนะนําพระมนตนี้
ใหเอาไปสวด อาการตางๆจึงไดทุเลาหายไป
นอกจากนี้ก็ยังปรากฎผูมีประสบการณอีกมากมายทั้งไดเงินทองสมใจ ไดการงานสมหวัง
ดังหมาย ตางลวนแตยืนยันในอิทธิคุณความศักดิ์สิทธิ์ของพระมนตนี้ไดเปนอยางดี ทั้งนี้ ขอยืนยันวา
เรื่องราวดังที่กลาวมาทั้งหมดผมเรียบเรียงจากที่ไดรับเมตตาบอกเลาจากทานพระมหาฯ ไมไดกลาว

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบ

หรือกุขึ้นเองแตประการใด อนึ่ง หากทานจะใชตํารานี้ไปในทางที่จะกระทบกระเทือนถึงใครผูใด


แลว นั้น ขอใหทา นพึง สัง วรณแ ละพิจ ารณาดว ยสติปญ ญาใหจ งหนัก แมน วา ทา นจะทํา เพื่อ ลา ง
สรรพอาถรรพอ ุบ าทวใ หต นเองแตห ากไปกระทบยัง ผูทํ า คุณ ไสยก็ด ี ผีส างวิญ ญาณใดๆก็ดี
เพื่อความไมประมาท เมื่อใชพระมนตนี้ก็ขอใหไดกรวดน้ําแผเมตตาใหทุกครั้งที่สวด และมีการทําบุญ
ทํา ทานอุทิศ สว นกุศ ลใหสิ่ง ใดๆที่เ ราลว งเกิน โดยเจตนาหรือ ไมเ จตนาบา งก็จ ะเปน การดีไ มนอ ย
ขอใหทุก ทา นมีค วามจํา เริญ สุข สวัส ดี ถว นหนา กัน ดว ยคุณ ความดีที่ทา นไดก ระทํา การรัก ษาศีล
ใหค รบพรอ ม การเปน ผูมีคุณ ธรรม และมีศ รัท ธาในพระพุท ธศาสนา ในพระพุท ธ พระธรรม
พระสงฆ อยางตั้งมั่นไมหวั่นไหว

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบเอ็ด

ตํารากลับชะตา
พระราชนิพนธ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
ฉัน มีตํา ราอยูอ ยา งหนึ่ง วา สํา หรับ แกผูถูก โกนฤกษไ มดี ทา นใหตัก น้ํา ที่ส ะอาดในเวลา
ที่เ ปน มงคลตั้ง ปด ไวแ ลว หาดอกไมห อม ๘ อยา ง มาใสโ ถปด ไว แลว คํา นวณหาเวลา
ที่มี ลักษณ จันทร พระเคราะห เปนกาลชะตาดีในวันหนึ่ง ไดเวลานั้นแลวเปดน้ําตั้งกลางแจง
เอาดอกไม ๘ อยา งใสอ บแลว จุด ธูป เทีย นบูช า ๘ เลม ๘ ดอก รอไวจ นเกือ บสิ้น
เวลาลัก ษณที ่ด ีแ ลว เปด ไว อนึ ่ง ใหเ ขีย นดวงกาลชะตาที ่ด ีนั ้น ลงในกระดานชนวน
แลว ลา งลงในน้ํ า ใหท ัน เวลาดีก อ นแตป ด น้ํ า นั ้น ดว ย แลว หาฤกษด ีอ ีก เวลาหนึ ่ง ถึง เวลานั ้น
ใหเ ขีย นชะตาเวลาดี ลา งลงในน้ํา นั้น อีก แลว เอาน้ํา รดตัว คนที่ถูก ทํา การฤกษไ มดีผอ นโทษนั้น
ทานวากลับเปนดีไป ตํารานี้เรียกวากลับชะตาฯ
คัดจากพระราชหัตถเรขาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว รวมครั้งที่ ๒

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบสอง

จดหมายเหตุพระราชนิพนธ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
“มนตปราบเสนียด”
คาถาแลความในเบื้อ งตน นี้นั้น เปนคาถาพระราชนิพ นธใ นพระบาท ส. พ . ป . ม . ม .
พระจอมเกลาเจากรุงสยาม ซึ่งไดประดิษฐานแลดํารงกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยาบรมราชธานี
ในที ่บ างกอกนี ้เ ปนที ่จ ุต ตถรัช กาล ในพระบรมราชวงษ ในประจุบ ัน นี ้ หนัง สือ เรื ่อ งนั ้น
ไดท รงลายพระราชหัต ถเลขาเปนอัก ษรอริยก เปนความคธบางไทยบา ง ทรงไวในสมุด เลกเปนที่
(ปกเกตบุก ) ทรงดว ยเสน ดิน สอตกั ่ว ซึ ่ง ติด อยู ก ับ สมุด เลม นั ้น ๆ หลัง เปนสีน้ํ า เงิน ครั ้น เมือ
เสด็จ สวรรคตแลว พระองคเ จา โสมาวดีไ ดส ง สมุด เลม นั ้น ออกไปยัง เจา คุณ สาสนโสภณ
ซึ่งเปนที่ พระธรรมวโรดม นั้นบอกวา สมุดนั้นมีอิทธิปาฏิหาร เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา
ยัง เสดจดํา รงอยูใ นอิศ ริย ราชสมบัติวา ไฟไหมขึ้น ที่ก องกระดาษที่ส มุด เลม นั้น อยูดว ย ไฟก็ไ หม
กระดาษนั้น เสีย ไปหมด แตส มุด เลม นี้ไ มทัน อัน ตรธาน แลในสมุด นั้น จะเปนเรื่อ งอะไรก็ไ มท ราบ
ขอใหทานเจาคุณสาสนตรวจดู ครั้นเจาคุณสาสนทราบเรื่องในนั้นแลว จึงใชใหขุนวิจิตรอักษร (ชุม)
เมื่อ ยัง บวชเปนพระสงฆ เปน ศิศ ยอ ยูใ นวัด ราชประดิษ ฐนั้น คัด ออกเปนตัว อัก ษรสยามตามความ
ที ่เ ปนไทย แลความที ่เ ปนมคธภาษานั ้น ก็ค ัด ออกเปน อัก ษรขอม ดัง ที ่ไ ดค ัด ไวใ นหนา ที ่ ๑
ถึง หนา ที่ ๓๓ นั้น ครั้น ขุน วิจิตรอักษรไดคัดสําเร็จแลว เจา คุณสาสนจึงไดสงสมุดนั้นกลับคืนไป
ถวายพระองคเจาโสมตามเดิม แลวขุนจิตรอักษรจึงนําสมุดที่เขาใหคัดไวนั้น มาใหดูที่ออฟฟสหลวง
แตค รั้ง ยัง ตั้ง อยูที่เ กง ริม พระที่นั่ง ดํา รงสวัส ดิอ นัญ วงษ ขา งซา ยพระที่นั่ง สมมตเทวราชอุป บัติ
ฯขา ฯ มีค วามชอบใจในหนัง สือ นั้น ยิ่ง นัก จึง ไดยืม ไปไวบา น ครั้น ภายหลัง ขุน วิจิต รเตือ นจะขอ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบสาม

สมุดนั้นคืน ฯขาฯ จึงไดเอาเขามาไวในออฟฟสหลวง ซึ่งตั้งอยูที่มุขตะวันตกชั้นที่ ๒ ไดอุษาหคัดมา


ดว ยลายมือ ตัว เองออกจากสมุด นั ้น ลงในสมุด เลม นี ้ แลความใดซึ ่ง เปน ภาษามคธ ก็ไ ดว าน
ขุน มหาสิท ธิโ วหาร (ทับ ) แปลออกเปนความไทย ดัง ไดเ ขีย นไวที่ห ลัง คาถานั้น ๆ การนี้เ ปนไป
ดว ยยิน ดีใ นพระราชนิพ นธข องทูล พระหมอ มของเราแลความเลื ่อ มไสยในพระรัต นไตรย
จึง อุษ า หทํ า การนี ้เ อง เปนหลายวัน จึง สํ า เร็จ ลงในวัน ๕ ฯ ๙ ๑๑ ค่ํ า ปช วดอัฏ ฐศก
พระพุท ธสาสนายุก าลลว งได ๒๔๑๙ พรรษา กับ เศศเดือ นได ๕ เดือ นกับ ๘ วัน
ตรงกับวันที่ ๑๒ เดือนออกโดเบอ ศักราชซึ่งคนชาวยุโรปใชกันมากคือ คฤศตศักราชนั้น ๑๘๗๖
ตามวิธีของเขา ฯ
เราเปนผูอานฉบับนี้ พระองคเจาสวัศดิประวัติเปนผูทรงทานตนฉบับเดิม ขุนมหาสิทธิโวหาร (ทับ)
เปน ผู นั ่ง ฟง คํ า มคธที ่จ ะผิด ไดท านเสรจถูก ตอ งในวัน ๒ ฯ ๑ ๐ ๑๑ ค่ํ า ปช วดอัฏ ฐศก
พระพุทธสาสนกาล ๒๔๐๙ (ลวงแลว)ฯ

ลายพระหัตถ เทวัญอุไทยวงษ

คัดจากสมุดพกของสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาเทวะวงศวโรปการ
ซึ่งทรงคัดลอกไวดวยลายพระหัตถ อักขระวิธีคงไวตามตนฉบับ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบสี่

พระราชนิพนธ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว

นมตฺถุ สุคตสฺส
ศุภมัสดุ สาธุ ขอใหทา นทั้งหลายทั้งปวง ผูจ ะแสวงที่พึ่ง อัน ประเสริฐ ใหญยิ่ง จงรูค วามนี้
เปนจริง เหนความนี่เปนแทแนแกใจแกศรัทธาเถิดวา ผูใดๆ สิ่งใดๆ ซึ่งจะเปนที่คํานับนับถือรบือนาม
ตามไปหาแลว โอนออ นหยอ นราบกราบไหวบูช าอาราธนาออ นวอน เพื่อ ใหวว ยรอ นรงับ ทุก ขแ ล
ใหสําเรจเปนเหตุใหไดรับความศุขสวัศดี แลยุดหนวงเอาเปนที่พึ่งที่รฦกถึงรําพึงหาแลว จะมีผูอื่นสิ่งอื่น
ดีจริงยิ่งขึ้นไปกวาพระศรีรัตรไตรย คือประชุมแกวอันประเสริฐมีตรีสามประการ คือ พระพุทธเจา
พระธรรม แลพระสงฆ นี้ไมมีเลยเปนแนแททีเดียวฯ
จะวา ชี ้แ จงใหท า นทั ้ง หลายทั ้ง ปวง เหนจริง ดว ยเหตุผ ลยุต ต ิต า งๆ ดว ยความ
ในพระพุท ธสาสนา ทา นก็จ ะรูแ ละเขา ใจยากไป ทา นทั้ง หลายโดยมากยอ มนับ ถือ คนโบราณ
แลการที่ค นเปนอัน มากนับ ถือ กัน เพราะฉะนั้น จะวา ภอใหทา นเขา ใจโดยงา ยแลเชื่อ งา ยตามการ
ที่เปนแลวในโบราณ แลการคนมากถือตามที่ไดสืบรูมาวาเปนจริง จะเชื่อก็ตามมิเชื่อก็ตามเถิด ฯ

ศุภมัสดุ สาธุ สิทธิการิย จะสําแดงมงคลวิธีตางๆ ซึ่งเปนการอันสาธุสัปปบุรุษพุทธสาสนิกชน


ผูมีศีล าจารวัต ร ซื่อ สัต ยสุจ ริตตอ คุณ พระรัต นไตรย แลมีกํา ลัง น้ํา ใจแมน ยํา ยั่ง ยืน มั่น คง ดํา รงอยู
ในเมตตยาภิทยาไศย ในมนุศยชาติมีราชตระกูลเปนประธานนั้น จะพึงทําแลประพฤติในเวลาตางๆ
ดวยอางเอาสัตยกิริยามังคลาธิษฐานในคุณพระศรีรัตนไตรยอันเปนวิสัยอารมณ เมื่อเวลามนสิการ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบหา

ตามความยพจนไพยากรณแลนิพ นธคาถานั้น ๆ เปนอัน บริก รรมทํา ตามความรูที่ร่ํา เรีย นเขีย นจํา ได
แมนยํา แตอาจาริยเปนครูรูมาคธิกภาสาโดยพระบาฬีแลอรรถกถาฎีกาคัมภีร ที่มีในพระธรรมวินัย
แลภาสาสังษกฤฏ ซึ่งเปนภาสาใกลใชในคัมภีรไสยสาตร พรหมชาติ แลพุทธสาสนิกชนในเนปาลราฐ
เปนอาทิ เคยใชมานั้นบาง ตามคติอาจาริย เปนการอันสมควร แลเคยเหนคุณานิสงษมาฯ
สรรพปริตวิทยามนตร จะมีผลประสิทธิสําเรจประสงคไดดวยองค ๔ ประการ :-
(๑) คือผูทําพิธีเลาจําคําคาถาแลบทปาฬี ที่จะวาในการพิธีนั้นไดคลองทองขึ้นปากตามขึ้นใจ
แลวา ใหถูก ตอ งฐานกรณที่เ กิด อัก ษรแลอาการพิเ ศศนั้น ๆทุก ประการ ตามอัก ษรนิย มวิธี แลวา ดี
ตองระยะคําแลบาทบทฉันทคาถา บริสุทธิแตตนจนปลาย ฤาวาจะพลัดพลาดคลาดไปบาง ก็ไดวาซ้ํา
บริกรรมใหม ใหบริบูรณอยางหนึ่ง ฯ
(๒) อนึ่ง คือผูทํานั้น เมื่อวาไวยากรณปาฬีแลคาถาพันธนั้นไดตั้งใจไปตามความของปาฬี
แลคาถานั ้น ๆ ทํ า ความในปาฬีแ ลคาถานั ้น ๆใหป รากฏแกใ จ เอาปญ ญาแลสติส กดตามที ่ว า
ทําอรรถแหงคําที่วานั้นใหสวางแกใจอันผองใส ไมฟุงซานไปดวยเหตุตางๆ จึงจะดี ประการหนึ่ง ฯ
(๓) อนึ ่ง คือ ผู จ ะทํ า พิธ ีนั ้น ตอ งเปนผู ม ีจ ิต รซื ่อ ตรงมั ่น คงนับ ถือ คุณ พระรัต นไตรย
ไมมีค วามกิน แหนงสงไสดว ยมีท ฤสฐิล ทธิผิด ๆใดๆที่ขัด แกอุด มมรรคคือ ทางนฤพาน ในการปฏิบัติ
พระพุท ธศาสนาแลมีศ ีล ๕ ศีล ๘ ถือ บริส ุท ธิ ไมข าดทํ า ลายเศรา หมอง ฤาเปนภิก ษุ
ไมต อ งครุอ าบัต ิฯ โดยจะมีไ ดด ัง นี ้ เพราะประมาทไปในกาลบางทีแ ลว เมื ่อ เวลาจะทํ า พิธี
ตองชําระกายใหบริสุทธิ เปนวัตถุสุทธิกิริยา แลวชําระจิตรดวยภาวนา รฦกพิจารณาพระพุทธคุณ
พระธรรมคุณ พระสัง ฆคุณ ชํา ระทฤฏฐิใ หบ ริสุท ธิ อธิษ ฐานพระสรณคมใหมั่น แมน ในใจแล
ตั้งจิตรปลงใจใหเหนโทษในทุศศิลยกรรม แลวตั้งจิตรสมาทานศีลสังวรใหม ทําใหบริบูรณบริสุทธิ
ในสันดานจนไมมีวิปฏิสารเดือดรอนน้ําใจเพราะบาปของตัวนั้น แลวจะปรารภการพิธีใหประสิทธิได ฯ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบหก

(๔) อนึ่ง ผูจ ะทํา พิธีนั้น ถา มีอัท ยาไศรยไวห วัง ตั้ง ใจจะใครไ ดล าภสัก การโลกามิศ
แลความสรรเสริญตามคดีโลกไปแลว ก็ไมมีอํานารถ ผูนั้นตองรงับสงบจิตรใหพนจากความปราฐนา
โลกามิศ อยา งนี้ทั้ง ปวงอยา ใหมีใ นอัท ยาไศรย แลว จงตั้ง ใจเจริญ เมตตากรุณ า ตั้ง ใจจะทํา ดว ย
ความปราฐนา จะใหเปนมงคลคุณประโยชนแกผูที่จะรับปริตรคุณ ฤาจงมีเมตตากรุณาแกคนทั้งปวง
ไมเ ฉพาะวา ใคร คือ วา ผูค นจะไดรับ ปริต คุณ ดว ยความอนุโ มทนาแลว ก็ข อใหเ ปนคุณ ศิริส วัศ ดิ
พิพัฒ มงคลสมประสงค ที่ป ราศโทษแกค นทั้ง ปวงนั้น ทุก คน เมื่อ ไวอัท ยาไศรยบริสุท ธิพน จาก
ความปราฐนาลาภสัการโลกามิศ ตั้งใจสุจริตตอกุศลธรรม คือเมตตากรุณาแกคนทั้งปวง แลสัตวที่ไดทุกข
แลมีความกตัญูกตเวทิตาคุณแกทานผูมีคุณูปการมาแตกอน เมื่อทําดวยอัทยาไศรยอันไมมีโทษดังนี้
ปริตพิธีที่ทํานั้นจึงจะมีอํานาจดังประสงคแล ฯ
เพราะฉะนั้น ผูที่จะทําพิธีนั้นๆ ตองทองอานสวดซอมอักษรปาฬีแลคาถาบรรดาที่ไดวาไดทอง
ในการพิธ ีนั้น ทั้ง ปวง แลคิด ตรวจเนื้อ ความตามแปลแลพิจ ารณาอรรถาธิบ ายปาฬีนั้น ทั้ง ปวง
แลคิด ตรวจเนื้อ ความตามแปลแลพิจ ารณาอรรถาธิบ ายบทปาฬี แลคาถาทั้ง ปวงนั้น ใหเ ขา ใจ
สวางแจงแกใจ แลชําระสรณคมแลศีล ๕ เปนอาทิ แลตั้งเมตตากรุณา ไวอัทยาไศรยใหบริสุทธิ
ทํา ใจใหผอ งแผว พน จากความรํา คาญตา งๆ แลละความกระวนกระวายขวนขวายดว ยราคะ
ดวยโลภเจตนาในขณะนั้น แลวจึงทําเถิดฯ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบเจ็ด

เมื่อจะอาบน้ําชําระตน เพื่อจะใหไดวัตถุวิสุทธิกิริยา กอนเวลาจะทําพิธีนั้น ใหเอาขันสําฤทธิก็


ดีสังขก็ดี ไขโอชาเทรศ (Ostrich’s egg = คือที่เรียกกันทุกวันนี้วา ไขนกกระจอกเทศ) ก็ดี
ภาชนะใดๆที่เ ปนมงคลจนมอ ดิน เปนที่สุด ใสน้ํา ที่ส ะอาดใหเ ตมแลว เศกดว ยพระคาถาพิศ ดารอัน
กําเหนิดอรรถแหงวัตถุวิสุทธิกิริยาก็ได ฤาถาดวนจะเศกแตคาถาอธิษฐานขางปลายก็ได แลวจึงเอาน้ํา
นั้นสลายเครื่องสนานชําระน้ําที่เหลือรดเถิด ทํากายใหมีอํานาจในการพิธีนั้นแล ฯ
คาถาพิสดารดังนี้เชนตอไป :-
ยะมัสมะ โข ภะคะวันตัง ปะสันนา สะระณัง คะตา
โย จะ โน ภะคะวา สัตถา หิเตสี อนุกัมปะโก
ยัสเสวะ จะ ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะเส ภุสัง
โส โข โน ภะคะวา พุทโธ สุวิสุทโธ ตะถาคะโต
วิสุทธะขันธะสันตาโน มะเหสี สาสะนังกะโร
กาเยนะ สังกิลิฎเฐนะ สังกิลิสสันติ มา นะรา
กายะสุทเธ วิสุชฌันติ อิจจา วุตตัง มะเหสินา
จิตเตนะ สังกิลิฎเฐนะ สังกิลิสสันติ มา นะรา
จิตเต สุทเธ วิสุชณันติ อิติ วุตตัง มะเหสินา
เอวัง สันเตป กายัสสะ สัมมา เวสัชชะ การะณา
อะกายา เสนะ จิตตัมป สัมมาสุทธิกะตัง สิยา
ตัสมา โสเธมิ เม กายัง วิญญาณะวัตถุ ปณฑิตัง

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบแปด

กิลันตัมป กิลิฏฐัมป วิสะทัญเญวะ กาตเว


ตะมัสมิง วิสะทีภูเต วิญญาณัง อิธะ นิสสิตัง
กะถัญจิป ภาวะนายะ สุทธีกะตัง ภะวิสสะติ
วิธะโย สุทธะจิตเตนะ การะเกนิธะ สาธุนา
กัยยะมานา สะติมะตา มหิทธิกา ภะวิสสะเร ฯ
(ในพระคาถานี้ ขุนมหาสิทธิโวหาร (ทับ) ไดแปลเปนความไทย ดังนี้)
เราเปนผูเลื่อมไสยแลว แลถึงซึ่งพระผูมีพระภาคยพระองคใดเลาวาเปนสรณะ ก็พระผูมี
พระภาคยพระองคใด เปนสาศดาผูสอนของเราทั้งหลาย ทานเปนผูแสวงหาซึ่งสิ่งที่เปนประโยชน
เกื้อ กูน อนุเ คราะหแ กสัต วโ ลกย เราทั้ง หลายชอบใจธรรมของพระผูมีพ ระภาคยพ ระองคใ ด
พระผูมีพ ระภาคยพ ระพุท ธเจา ของเราพระองคนั้น เปนผูบ ริสุท ธิ์วิเ ศศดีแ ลว เปน ตถาคตบุค คล
มีขันธสันดานอันบริสุทธิ เปนผูแสวงหาซึ่งคุณอันใหญ เปนผูทําการสั่งสอน แสดงไวดังนี้วา :-
มนุศ ยทั้ง หลาย เมื่อ กายแลจิต รบริสุท ธิไ มเ สรา หมองแลว ก็ยอ มบริสุท ธิไ มเ สรา หมอง
เมื่อ เปนเชน นี้แ ลว ก็ค วรที่จ ะทํา กายแลจิต รใหบ ริสุท ธิโ ดยชอบ เพราะเหตุนั้น เราจะชํา ระกาย
แลจิตรของเราที่ลําบากเหน็ดเหนื่อยเสราหมอง ทําใหคลองแคลวบริสุทธิ์ผองใส เมื่อกายบริสุทธิ
ผอ งใสแลว วิญ ญาณที่อ าไสยในกายนี ้ ก็บ ริส ุท ธิ ์ผ อ งใส วิญ ญาณจะบริสุท ธิ ์ผ อ งใสได
ก็ดวยภาวนา ผูที่ทําจิตรใหบริสุทธิแลวเปนคนดี มีสติ จะทําพิธีทั้งหลายใหมีฤทธิมากแล ฯ
พระคาถาเทานี้ ชื่อกําเนิดแหงวัตถุวิสุทธิกิริยา แลเบื้องนาแตนี้
(ขุนมหาสิท ธิโวหาร แปล พระมหายงยุทธฯ เรี ยบเรียง)
คํ า ที่ ขี ด เส้ น ใต้ เป็ น คํ า ที่ มี ก ารอ่ า นในลั ก ษณะพิ เ ศษทางบาลี ซึ่ ง เกรงว่ า ท่ า นผู้ ส วดจะอ่ า น
ไม่ถูกต้องนักจึงได้ขีดเส้นใต้เอาไว้ อันมีคําอ่าน ดังนี้ ยะมัสมะ(ยะ-มัด-สะ-มะ) ตัสมา (ตัด - สะ - หมา)
กาตเว (กาด - ตะ - เว) ตะมัสมิง (ตะ-มัด - สะ - หมิง)

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา สิบเกา

จึ่งกลาวคาถาอธิษฐานอัญเชิญพระพุทธานุภาพเขาในน้ํานั้น
เอามือยึดภาชนะน้ํานั้นไวแลว ตั้งใจไปตามความในคาถาวาดังนี้ :-

พุทธัสสะ สะวะนันตัสมิง สุวิสุทธัสสะ ตาทิโน


ชาโตหัง สาสะนัง สุตวา ตะเมวะ สะระณัง คะโต
สาสะนัง ตัสสะ สิกขามิ ยะถาสะติ ยะถาพะลัง
อะวะมังคะละโทเสหิ อัตตะโน สิทธิกามิโก
ปะติฏฐัง นาธิคัจฉามิ หุรัง พุทธานุภาวะโต
พุทธัสสะ โน ภะคะวะโต สุจิรัง นิพพุตัสสะป
มะหากะรุณานุภาโว ยาวัชชาป ปะวัตตะติ
พุทธัง สะระณัง คะเตสุ ปจฉา ชาเตสุ ชันตุสุ
ธัมโม หิ เทสิโต เตนะ ปญญัตโต วินะโย ปจะ
วิโสธะนายะ กิเลสานัง สัมมานุปะฏิปชชะตัง
กะทานุภาวัง ทีเปติ ญาณะสิทธะมะสาทิสัง
ตะทานุภาวะเตโช วะ อิโธทะเกป สิชฌะตุ
 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบ

ตะทานุภาวะเตชัง ตัง นิสสายะ ติฏฐะตูทะกัง


ตะทานุภาวะเตเชนะ อะธิฏฐาโมทะกัง อิทัง
ตะทานุภาวะเตชัสสะ ปูชัง ยิฏฐัง กะโรมิมัง
ตะทานุภาวะเตชัสมา อิทธิง ปตเถมิ โนทะเก
ตะทานุภาวะเตชัสสะ พะลัง สิชฌะตะวิโนทะเก
ตะทานุภาวะเตชัสมิง อิทธิ ชาตเววะ โนทะเก
ยายิทธิยา อิทังโหตุ อะวะมังคะละโสธะนัง
กายะโต สัมผุสันตานัง ตะทานุภาวะเตชะสิ
อะวะมังคะลานิ สัพพานิ นิปะตันตุ อะเสสะโต
อุทะเก สิทธิยาเยวะ ตะทานุภาวะเตชะโส
อะวะมังคะเลหิ สัพเพหิ สุทธิ โหตุ อะกิจฉะโต
อิมัง สัมผุสะตัง กายา ตะทานุภาวะเตชะสา ,
สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ อิทัง ผะลัง
อัสมิง เจโตปะณิธิมหิ สัมปะสาทะนะเจตะโส ฯ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบเอ็ด

(ความไทย ขุนมหาสิทธิโวหาร แปลไวดังนี้ :-)


เมื ่อ เราทั ้ง หลายไดฟ ง อยู ว า พระพุท ธเจา เปนผู บ ริส ุท ธิว ิเ ศศแลว เปนตาทิบ ุค คล*
เราเปนผู เ กิด ไดฟ ง คํ า สั ่ง สอนแลว ถึง ซึ ่ง พระผู ม ีพ ระภาคยพ ระองคนั ้น นั ่น เทีย วเปน สรณะ
เราศึก ษาคํ า สอนของพระผู ม ีพ ระภาคยพ ระองคนั ้น ตามสติกํ า ลัง อยา งไร เราเปน ผู ใ คร
ซึ ่ง ความบริส ุท ธิ ์แ กต น ยอ มไมถ ึง ทับ ไดซึ ่ง ธรรมที ่เ ปนที ่ตั ้ง เพราะโทษแหง อวมงคล
ขออานุภ าพแหง ความกรุณ าใหญ ของพระผู ม ีพ ระภาคยพ ระพุท ธเจา ของเราทั ้ง หลาย
ที่ปรินิพพานแลวนาน ยอมเปนไปอยูตราบเทาจนวันนี้
เมื่อสัตวทั้งหลายที่เกิดภายหลัง ก็ไดถึงแลวซึ่งพระพุทธเจาเปนสรณ เพราะวาธรรมก็ดี
แลวิไ นยก็ดี พระพุท ธเจา พระองคนั้น ก็ไ ดแ สดงแลบัญ ญัติไ วแ ลว เพื่อ ชํา ระกิเ ลสทั้ง หลายของ
ผู ป ฏิบ ัต ิช อบ พระพุท ธเจา ยอ มแสดงซึ ่ง อานุภ าพของธรรมนั ้น อัน สํ า เร็จ ดว ยปญ ญา
ไมเ ปน อยา งอื่น ก็เ ดชแลอานุภ าพแหง ธรรมนั้น จงประสิท ธิล งในน้ํา นี้ น้ํา ซึ่ง ตั้ง อยูก็อ าไสย
ซึ ่ง เดชานุภ าพของธรรมนั ้น เราทั ้ง หลายอธิษ ฐานซึ ่ง น้ํ า นี ้ ดว ยเดชานุภ าพของธรรมนั ้น
เรายอมทําการบูชาแลการบวงสวงนี้ แกเดชอานุภาพของธรรมนั้น เรายอมปราฐนาซึ่งความสําเร็จ
ในน้ํานี้ เพราะเดชานุภาพแหงธรรมนั้น ผลแหงเดชานุภาพแหงธรรมนั้น จงประสิทธิลงในน้ํานี้
ดว ยเดชแหง อานุภ าพแหง ธรรมนั้น ใหน้ํา นี้มีฤ ทธิ การชํา ระซึ่ง อวมงคลนี้ ยอ มมีดว ยฤทธิอัน ใด
อวมงคลทั้ง หลายทั้ง ปวง ก็ยอ มตกไปโดยไมเ หลือ ความบริสุท ธิจ ากอวมงคลทั้ง หลายทั้ง ปวง
ก็ด ว ยฤทธิใ นน้ํ า แลเดชานุภ าพแหง ธรรมนั ้น เมื ่อ กายนี ้อ ัน น้ํ า ถูก พรอ มแลว ก็ม ีเ ดชานุภ าพ
ความสํา เรจจงมี ความสํา เรจจงมี ความสําเรจจงมี ผลนี้จงสําเรจแก(บุคคล)ผูมีจิตรเลื่อมไสย
ในการตั้งไวแหงจิตร ฯ
*เป็นตาทิบุคคล พระมหายงยุทธฯ ท่านได้แปลเอาไว้เป็นภาษาปัจจุบันว่า เป็นบุคคลผู้คงที่

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบสอง

เศกน้ํ า ดัง นี ้แ ลว จงชํ า ระตัว เถิด ฤาเห็น วา เศกน้ํ า อยา งนี ้นั ้น ยาวนัก ก็จ งหามอ น้ํ า ใหญๆ
ใสน้ําใหเตมตั้งไวในสฐานที่ควรแหงหนึ่ง ซึ่งจะไมมีผูเดินไปมาขามกราย แลวเมื่อตัวสะอาดใจสบาย
จึงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนไตรย แลคุณครูอาจาริย แลวเอาสายสิญจนสูตรทําดวยดายพรหมจารีย*
มาวงปากมอ เปนทักษิณ าวัตรสามรอบสามรอบ เอาหางสายสิญจนม าถือไวแลว เอาภาชนอัน
สอาดตัก น้ํ า มาถือ ไวด ว ยแลว จึง อา นพระคาถานั ้น ใหป ระจัก ษแ กใ จ เมื ่อ เวลาวา นั ้น
จนถึงขางทายวา “สิทธะมัตถุ ฯลฯ” นั้น จึงเอาน้ําในภาชนที่ถือไวนั้นรินลงในมอใหญ แลวปดไว
เอาดายสายสิญจนสูตรนั้นพันผูกไว ดวยพระคาถานี้เถิด ฯ
สัพเพ พุทธา พะลัปปตตา ปจเจกานัญจะ ยัง พะลัง
อะระหันตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส ฯ
ฤาจะผูกดวยพระคาถานี้ก็ได :-
สัมพุทธานัญจะ พะเลนะ ปจเจกานัง พะเลนะ จะ
พะเลนะ อะระหันตานัง รักขัง พันธามิ สัพพะโส ฯ
(แตความแปลนั้นคลายกัน แปลตามขุนมหาสิทธิฯ นั้นดังนี้)
เรายอมผูกไวซึ่งการรักษา ดวยกําลังแหง พระพุทธเจา พระปจเจกพุทธเจา พระอรหันตทั้งหลาย
ดวยประการทั้งปวง ฯ
คํ า ที่ ขี ด เส้ น ใต้ เป็ น คํ า ที่ มี ก ารอ่ า นในลั ก ษณะพิ เ ศษทางบาลี ซึ่ ง เกรงว่ า ท่ า นผู้ ส วดจะอ่ า น
ไม่ถูกต้องนักจึงได้ขีดเส้นใต้เอาไว้ อันมีคําอ่าน ดังนี้ สะวะนันตัสมิง (สะ-วะ-นัน-ตัด-สะ-หมิง) สุตวา
(สุด-ตะ-วา) เตชัสมา (เต-ชัด-สะ-หมา) เตชัสมิง (เต-ชัด-สะ-หมิง) อัสมิง (อัด-สะ-หมิง)
*ด้ายพรหมจารีย ที่ใช้ในพิธีการนั้นมี ๒ ประเภท ๑.)เส้นด้ายที่เป็นใจๆที่มีขายในร้านเส้นด้าย
ในปัจจุบันที่จะต้องได้จากสาวพรหมจรรย์หรือสาวบริสุทธิ์ นํามารวมกันเป็นเส้นด้ายสาวพรหมจรรย์
(ไม่เคยใช้ในพิธีการใดๆมาก่อน) ๒.)ด้ายสายสิญจน์ที่มีขายในร้านขายสังฆภัณฑ์ของใหม่(ไม่เคยใช้ในพิธีการ
ใดๆมาก่อน) ดังนั้นในการใช้ด้ายสาวพรหมจรรย์จะต้องเป็นด้ายใช้ครั้งเดียว อีกความเห็นคือ ด้าย ที่ทํา
แบบเดียวกับจุลกฐินครับ คือเก็บฝ้าย ปั่นฝ้าย ในพิธีนั้นแล้วนําที่เหลือจากการทอผ้าจุลกฐินมาใช้ ซึ่งหายากมาก

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบสาม

น้ําที่ไดทําไวดังนี้ เมื่อใชถึงจะไมเศกก็ได เศกอีกก็เปนดี ไมหาม น้ํานั้นจะเอาไปรดคน


อื ่น ที ่ต อ งเสนีย ดจัง ไร อัป รมงคลตา งๆเปนน้ํ า ชํ า ระเสนีย ดจัง ไรตา งๆก็ไ ด น้ํ า มนตนี ้ชื ่อ
“น้ํามนตปราบเสนียด” แลฯ
เครื่องสนานนั้นใชดินสอพองที่ตรองเกรอะ คัดเอาที่สะอาดแลเลอียดดีนั้นใชไดเปนนิตย จะ
เอาใชเ มื่อใดก็ได ถาจะใชมกรูด สมปอ ย มขามปอ ม แลกระเทาะมขามทํา เปน จุณแลอื่นใชได
แตเปนขณะแลเปนครั้งเปนคราว ดินสอพองนั้นจะเศกเก็บไวดังน้ําปราบเสนียดก็ได เมื่อจะเศกใหเอา
ดิน สอพองใสค รอบสํ า ฤทธิ ์ก ็ด ี ใสภ าชนถว ยโถที ่ส อาดก็ด ี เอาดอกไมว างลงสามดอก
ในดิน ศรีพ องนั ้น จะจุด ธูป เทีย นบูช าดว ยยิ ่ง ดี แลว นมัส การพระรัต นไตรยอัน บริส ุท ธิ
ดวยพระคาถาทั้งสี่กับกึ่งนี้กอน
นะโม พุทธัสสามะลัสสะ สุวิสุทธัสสะ สาธุกัง
นะโม ธัมมัสสามะลัสสะ สุวิสุทธัสสะ สาธุกัง
นะโม สังฆัสสามะลัสสะ สุวิสุทธัสสะ สาธุกัง
นะโม ระตะนัตตะยัสสะ สุวิสุทธัสสะ สาธุกัง
อะนิจจัง สัพพะสังขารา เต ทุกขาเยวะ เย ตะทา
อะนัตตา สัพเพ ธัมมาติ สัมมัปปญญายะ ทัสสะนัง
วุตตัง พุทเธนะ มัคโคติ ปะระมายะ วิสุทธิยา
วิสุทธิมัคคัสเสตัสสะ ธัมมา มะนะสิการะโต
วิวิธัง วิสุทธิทวารัง เตนาตถุ สุทธิ อิจฉิตา ฯ
 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบสี่

(มีความแปลตามที่ขุนมหาสิทธิฯ ไดแปลนั้นดังเชนตอไปนี้)
ขอนอบนอ มแกพ ระพุท ธเจา เปนผูไ มมีม ลทิน บริสุท ธิ์ดว ยดี ขอนอบนอ มแกพ ระธรรม
เปนของไมมีมลทิน บริสุทธิ์ดวยดี ขอนอบนอมแกพระสงฆ เปนผูไมมีมลทิน เปนบริสุทธดวยดี
ความนอบนอ มแกห มวดสามแหง พระรัต นไตรย ซึ ่ง เปน ของบริส ุท ธิด ว ยดี เปน ความดีฯ
ความเห็นชอบดวยปญญาวา สังขารทั้งปวงไมเ ที่ยง สังขารใดไมเ ที่ยงแลว สังขารนั้น เปนทุกข
ธรรมทั ้ง ปวงเปนอนัต ตา พระพุท ธเจา ทา นกลา วไวว า เปน มรรคาทางความบริส ุท ธิยิ ่ง
เมื่อ (บุค คล)มาไดซึ่ง ทางอัน บริสุท ธิ แลทํา ธรรมไวใ นใจแลว ประตูค วามบริสุท ธิ ชื่อ วา
อันผูนั้นเปดแลว ความบริสุทธิ์อัน(ผูนั้น)ปราฐนา จงสําเรจตามความปราฐนา ฯ
ครั้น นมัศ การแลว จึง จับ ภาชนะที่ใ สดิน สอพองนั้น ขึ้น ถือ ไวส องมือ ฤาถา ภาชนะใหญ
ใสดินสอพองมาก ก็จงเอาสายสิญจนสูตรโยงพันธภาชนนั้นเวียนขวาสามรอบ แลวจึงเอามาถือไว
แลวเศกดวยคาถาทั้งหมดนี้ตอไป ตั้งใจใหดีตามความในคาถา :-
สุทโธ พุทโธ สุทโธ ธัมโม สุทโธ สังโฆติทัง ยะตัง
วิสุทธานัง ระตะนานัง มูลัง ปะระมะสุทธิยา
สุทโธ พุทโธ สุทธัง ธัมมัง สุทธายุตตะมะโพธิยา
อะภิสัมพุชฌะเทเสฎโฐ สังฆัง สุทธัง วิโสธะยิ
เอวเมตัง สุวิสุทธัง นิมมะลัง ระตะนัตตะยัง
สังวัตตะติ ปะสันนานัง อัตตะโน สุทธิกามะตัง
วิสุชฌา ปะฏิปนนานัง ปะระมายะ วิสุทธิยา
 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบหา

พุทธะสุทธิ ธัมมะสุทธิ สังฆะสุทธีติสุทธิโย


ติณณานัง สุทธะวัตถูนัง ปาฏüภุตา กะทาจิป
วิวิฏา โหนติ เต ทวารา ปะระมายะ วิสุทธิยา
พุทธัสสะ สุทธิยา เจวะ ธัมมัสสะ สุทธิยาปจะ
สังฆัสสะ สุทธิยา จาติ ระตะนัตตะยะสุทธิยา ฯ
วิวิฏัทวาระภูตายะ ปะระมายะ วิสุทธิยา
อิมัง ตะถา อะธิฏฐามิ สินานะ ปุสสะมัตติกัง
ยะถา อะวะมังคะลานัง อิมัง โหตุ วิโสธะนัง
(๑) กาเย อะวะมังคะลานิ สักกานิมิสสะตานิ วา
สัพพันยันตะระธายันตุ วิคัจฉันตุ อะเสสะโต ฯ
(๒) ภะยูปททะวุปะสัคคา อะวะมังคะละปจจะยา
อันตะรายา จะ อะโรคา จะ อะวะมังคะละสัมภะวา
มาเหสุง สัพพะถา สัตเต อิมินา วะสินา ยะตัง
สัพพัตถะโสตถิภาโว จะ ฑีฆายุ ตาทิกัปป จะ
สัมมะเทวะ สะมิชฌันตุ อิมินา วะสินา ยะตัง ฯ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบหก

(๓) ตะโต ตะโต อาคัจฉันตา ปจจัตถิกานะมิทธิโย


มา กัตถะจิ สัมผุสิงสุ อิมินา วะสินา ยะตัง
(๔) เยป เต ทุคคะหะโทสา อากาสะโตป อาคะตา
ผุฏฐา ปะปนตะระธายันตุ อิมินา วะสินา ยะตัง ฯ
สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ อิทัง ผะลัง
พุทธาทิวัตถุสุทธีสุ สัมปะสาทะนะเจตะโส ฯ
(ความแปลนั้น ขุนมหาสิทธิ ฯ วาเปนดังนี)้ :-
พระพุท ธเจา พระธรรมเจา พระสัง ฆเจา สามรัต นนี ้ เปนของบริส ุท ธิ เปนราก
ของความบริสุท ธิอ ยา งยิ่ง พระพุท ธเจา เปน ผูบ ริสุท ธิ ทา นตรัส รูธ รรมอัน บริสุท ธิดว ยปญ ญา
อัน บริสุท ธิ แลแสดงธรรมสั่ง สอนใหส งฆส าวกบริสุท ธิดว ยฯ หมวดสามแหง พระรัต นไตรย
ที่ไ มมีม ลทิน บริสุท ธิ์ว ิเ ศษอยา งนี้ จึง เปนไปเพื่อ ความเลื่อ มไสยของผูใ ครซึ่ง ความบริสุท ธิฯ
ของบริสุท ธิทั้ง สามคือ พระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ จะปรากฏมีใ นกาลบางทีบ างคาบฯ
เรายอ มอธิษ ฐานซึ ่ง ดิน ศรีพ องเครื ่อ งสนานนี ้ด ว ยความบริส ุท ธิค ือ พระพุท ธ พระธรรม
พระสงฆ นี้ฉัน ใด ดิน ศรีพ องเครื่อ งสนานนี้จ งเปน เครื่อ งชํา ระอวมงคลทั้ง หลาย ฉะนั้น ฯ
(๑) อวมลคลทั้งหลายแลความขัดของทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งเจือปนอยูในกายนี้ จงอันตรธาน
ฉิบ หายไปโดยไมเ หลือ เถิด ฯ (๒) ความกลัว แลความวุ น วาย แลความขัด ขอ งทั ้ง หลาย
ซึ่ง มีอ วมงคลเปนปจ จัย ก็ด ี อัน ตรายแลโรคทั้ง หลายที่เ กิด พรอ มเพราะอวมงคลทั้ง หลายก็ดี
จงอยา มีม าดว ยประการทั้ง ปวงเลย ขอความสวัส ดีมีอ ายุยืน เปนตน จงสํา เร็จ โดยชอบเถิด ฯ

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบเจ็ด

(๓) ความปรารถนาของฆา ศึก ทั ้ง หลาย ที ่ม าแตที ่นั ้น ๆ จงอยา ไดม าพอ งพานถูก ตอ งเลย
ดว ยอํ า นาจดิน ศรีพ องเครื ่อ งสนาน ฯ (๔) โทษทั ้ง หลายที ่เ ปนทุค คหะ (คือ บาปเคราะห)
แมใ ดที่ม าแลว แตอ ากาศถูก ตอ งเขา โทษบาปเคราะหทั้ง หลายเหลา นั้น จงอัน ตรธานหายไป
ดวยเครื่องสนานนี้
ขอความสําเรจจงมีแตผูที่มีจิตรเลื่อมไสยในวัตถุทั้งสามนี้เทอญ ฯ
เมื่อ เศกดัง นี้ ถา ไดตั้ง ใจตอ ความในคาถานั้น แมน ยํา แลไดก ลา วคาถานั้น เตมตามอัก ษร
แลวจะเศกแตคาบเดียวก็ได แตถามีความแคลงอยูวาจะพลั้งปากพลั้งใจไป ก็จงเศกซ้ําเปนสามคาบ
เถิดฯ นัยหนึ่ง คาถาขางปลายมีตางๆเพิ่มเขาตามประสงคผลมีตามชอบใจฯ พึงรูแลจําไวเถิดวา
คาถาขา งตน แต “นะโม พุท ธัส สามะลัส สะ สุว ิส ุท ธัส สะ สาธุก ัง ” มาจน
“อิมัง ตะถา อะธิฏ ฐามิ” ใหวา ปริกัป เหมือ นกัน ยืน อยูไ มมีเ ปลี่ย นแปลง แลบาทตอ ไปวา
“สิน านะปุส สะมัต ติกัง ” นั้น เฉพาะสํา หรับ เสกดิน ศรีพ องอยา งเดีย ว ถา จะเศกจุณ จัน ทน
ฤาชะลูด ฤาพญามือ เหลกก็ดี จุณ มขามกระเทาะก็ดี บัน ดาสิ่ง ของที่ทํา เปน จุณ แลใหเ ปลี่ย น
บทนั้นวา “สินานะจุณณะกัง อิทัง” ฯ ถาเครื่องสนานนั้นเปนเครื่องสด คือผลมกรูด สมปอย
ผลสม มขามปอม ใหหอใบบัวถือเศกกอนละลายก็ได ฤาแตงละลายในครอบสําฤทธิ์แลวจะยกครอบ
เศกก็ไ ด เมื ่อ เศกใหเ ปลี ่ย นบทนั ้น วา “สิน านะภัณ ฑะกัง อิท ัง ” เปนสามัญ ก็ไ ดฯ
“สิน านะโก สะถามิทัง ” เปนวิเ ศศเฉพาะเครื่อ ปรุง นั้น ก็ไ ด ฯ “สิน านัม พิล ะกามิทัง ”
เปนวิเศศเฉพาะเครื่องเปรี้ยวก็ได เมื่อวาดังนั้นตามกําหนดวัตถุที่ถือยึดเศกนั้นแลว จึ่งวากึ่งคาถาคือ
“ยะถา อวมัง คะลานัง อิท ัง โหตุ วิโ สธะนัง ” นี ้จ งไดท ุก คราว เพราะคํ า นั ้น

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบแปด

เปนคํา อธิษ ฐานใหข องนั ้น มีอํ า นาจที่จ ะชํ า ระอัป รมงคลจัง ไรเสนีย ดโดยสามัญ เบื้อ งแตนั ้น
จึงเลือกวาตามประสงคนั้นๆ เถิด ฯ
คาถาที่จ ดหมายเลข (๑) ไวน า สํา หรับ เศกอธิษ ฐานใหเ ปนเครื่อ งชํา ระอัป รมงคล
เสนียดจัญไรที่ติดแลปะปนอยูในกายตัวก็ดี กายผูอื่นก็ดี ถาของไมเปนมงคลไดกลืนกินเขาไปในทอง
เศกน้ํากลืนกินชําระเสียก็ได ใชเศกตอเขาตามลําดับฯ
คาถาที่หมายเลข (๒) นั้น สําหรับเศกใหเปนเครื่องชําระลึกไปคือวา เพราะถูกอัปรมงคล
จิต รใจออ นไป มัก ขลาดกลัว แลขุน หมองหมกมุน ใจ คิด อไรก็ขัด ขอ ง ก็ใ หเ ศกเครื่อ งสนาน
แลน้ําชําระ ดวยคาถาที่หมายเลข (๒) นั้นเถิด กันอันตรายแลโรคที่จะมีมาเปนเพราะอัปรมงคลนั้น
แลจะใหสํา เรจความสดวกปลอดโปรง ทุก ที่ท ุก แหง ทุก ตํา บลแลใหเ จริญ อายุ วรรณ ศุข พล
แกผูไดสนาน ฯ
คาถาหมายเลข (๓) คือ “ตะโต ตะโต ไปจนถึง สินายะตัง” สําหรับกันชมบอาถรรพ
คุณไสยอไรๆ ที่ศัตรูทํามาใชมาทั้งปวงจะใหคลาดแคลวไมตองผูสนานแลกินน้ําชําระนี้ไดเลย ฯ
คาถาสามอยางที่วางเลขไวนี้ เขียนลงไวตามประสงคของคนเปนอันมาก ถาถือเคราะหรายดี
แลกลัวเคราะหรายดวยบาปเคราะหคือ อาทิตย อังคาร เสาร ราหู ฤาพฤหัศบดี แลมฤตยู ดาวหาง
โคจรมาถูก ลัก ษจัน ทร หลัก อิน ทภาศบาทจัน ทร กาลกัณ ณี ประการใดๆ ก็ใ หเ ศกเครื่อ งสนาน
แลน้ํา มนต ดว ยคาถาหมายเลข (๔) อนึ่ง ในคาถาที่ห มายเลข (๑) นั้น ถา ประสงคที่จ ะเศก
เครื่อ งชํ า ระอัป รมงคลในสิ่ง ของคือ แหวนทองเพชรพลอย ที ่ไ ปประดับ ศพ ฤาไวใ นปากศพ
ฤาจะปราบเสนีย ดในที ่ค นตายทับ เตีย งตั ่ง เรือ น เรือ โรง แลซัก ผา คลุม ศพฤาผา นุ ง หม

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว
 
ตํารากลับชะตา ฉบับสมบูรณ รักษาตนฉบับเดิม หนา ยี่สิบเกา

ไปปลงศพเผาผีฤ าถูก ตอ งของไมด ีร ะดูส ตรีแ ลอื ่น ๆ ก็ใ หเ ปลี ่ย นคํ า วา “กาเย ” นั ้น ออกเสีย
แลวเศกวา “สัพพานะยาวะมังคะลานิ” เขาวาไปเถิดฯ
วา มาทั้ง นี้ก็ต ามประสงคตา งๆ ของผูซึ่ง จะตอ งการจะชํา ระนั้น ๆ โดยมาก บัด นี้จ ะวา
คาถาสํา คัญ ของผูป ระสงคจ ะชํา ระตัว ทํา พิธีตา งๆ ใหข ลัง ใหป ระสิท ธินั้น ครูผูชํา ระตัว เพื่อ พิธี
พึง วา เศกดว ยคาถาทั ้ง หลายมาแตต น จนถึง สิ ้น คาถาที ่ห มายเลข (๑) เลข (๒) แลว ใหว า
เศกปลุกตัวใหมีอํานารถในพิธีดังนี้ :-  
กิญจิ สิทธิ กัมมะสิทธิ วิวิสิทธยัตถะสิทธิ จะ
อารัมภะสิทธิโย โหนตุ อิมินาวะ สินายะตัง ฯ
ดว ยใหจ งได เมื่อ เศกใหผูอื่น ที่จ ะไมเ ปนผูทํา พิธี คาถานี้ย กไว คาถา “สิท ธะมัต ถุ” ขา งทา ยนั้น
เศกเมื่อ ใหวา ทุก ที ฯ อนึ่ง พระคาถาที่สํา แดงทีห ลัง คือ “นะโม พุท ธัส สามะลัส สะ” เปนตน
ตอ ๆไปนี้จ ะเศกแตน้ํา เปลา ไมมีเ ครื่อ งสนานปนเลยก็ไ ด แตเ มื่อ จะเศกแตน้ํา เปลา ไมมีเ ครื่อ งสนาน
ฤาดินศรีพองปนแลว ในที่วา “สินานะ ปุสสะมัตติกัง” เปนอาทิ ใหวา “สินานะ โกทะกัง อิทัง”
แทนจึงควร ฯ  
 
(เพิ่มเติมจากผู้เรียบเรียง : จุณ คือการนําสมุนไพรมาบดเป็นผงละเอียด จุณมะขามผง คือ ผงที่ได้
จากการนําเอาเม็ดมะขามมาบดละเอียดเพื่อใช้ในการอาบน้ํา ฯ) 
 
 

 

เรี ย บเรี ย งโดย พระมหายงยุ ท ธ อั ต ตเปโม จั ด พิ ม พ เ ผยแพร โ ดย ซิ น แสหลั ว

You might also like